Coolacoustics

แล้วสิ่งที่ผม (และอาจจะอีกหลายๆคน) เคยคาดเดาก็เกิดขึ้นเป็นรูปเป็นร่างที่ชัดเจน...

ในปัจจุบันที่มนุษย์เริ่มใช้ทรัพยากรธรรมชาติมากจนเกินดุล
การรณรงค์รักษาทรัพยากรทางธรรมชาติให้คงอยู่ก็เกิดขึ้นและมีให้เห็นกันอยู่เสมอ
"ไม้" เป็นสิ่งที่ผมจะคิดถึงในอันดับต้นๆเมื่อพูดถึงการใช้งานที่เกินดุลธรรมชาติของมนุษย์

เราเห็นและรณรงค์เรื่องการหลีกเลี่ยงการใช้ไม้ในการสร้างสถาปัตยกรรมกันมานานแล้ว
เนื่องด้วยราคาค่างวดของไม้ที่ถีบตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และ Concerte มีคุณสมบัติที่ยืดหยุ่นต่อการออกแบบมากกว่า
Furniture ไม้ก็มีราคาแพงมากกว่าสมัยก่อนหลายเท่า

นอกจากพื้นไม้เก่าที่รับน้ำหนักจากตีนเกือบตลอดวันแล้ว ไม้ที่อยู่ใกล้ตัวผมมากที่สุดก็คือ...กีต้าร์
ปราศจากไม้ที่ดีและมีคุณภาพแล้ว กีต้าร์ก็ยากที่จะเปล่งเสียงที่ใส มีพลัง และกังวาน
ยิ่งถ้าจำกัดขอบเขตให้แคบลงเพียง Acoustic Guitar แล้ว "ไม้" เป็นสิ่งที่มือกีต้าร์ทั้งหลายให้ความสำคัญที่สุด
และคิดถึงมันเป็นอันดับแรกทุกครั้งที่จะเลือกซื้อ Acoustic Guitar ไม่ว่าจะ Nylon หรือ String

ในขณะที่ผมกำลังค้นคว้าและตามล่าหา Nylon Acoustic Electric Guitar ดีๆสักตัวมาครอบครองช่วงนี้
ก็บังเอิญมาพบกับงาน PhD project ของ Dr Owain Pedgley และ superviser Dr Eddie Norman
ที่วิจัยและทดลองเกี่ยวกับการสร้าง Guitar โดยไม่ใช้ไม้ในนาม coolacoustic.

Dr Owain Pedgley เลือกที่จะใช้ Polymers แทนไม้
Why? (ทำไมเขาเลือก Polymer?)
Polymer vs Wood . . . outcome?
Totally Plastic?
แวะไปหาคำตอบได้ที่ www.coolacoustics.com

วูบแรกที่ผมอ่านข้อมูลที่เขาเขียนไว้
ผมสำรอกความอิจฉาออกจากร่างกายดังดัง . . . "เฮ้ย...เจ๋งว่ะ"
ไม่บอกก็รู้เองได้เลยว่า เขาต้องชอบเล่น Guitar อย่างมาก
และความชอบเขาของไม่จบที่การเล่นมันเพียงอย่างเดียว
"จบ PhD ด้วย Project เท่ห์ๆแบบนี้...เจ๋งจริงๆ" ...ชักอยากเรียน PhD ขึ้นมาบ้างแล้ว
แม้จะรู้ดีว่า coolacoustic นี้เกิดขึ้นจากการเรียน R&D (Research and Development)
ไม่ใช่ Sound Engineer หรือ Ear Training ซึ่งแน่นอนว่ามันจะไม่ง่าย ไม่สนุกเหมือนกับการเล่น Guitar สบายๆในมุมสงบแน่นอน...แต่ผมก็ยังชอบและอิจฉาเขาอย่างเต็มใจ

RA1 , FFS2002, ENOP1 คือ 3 Models ต้นแบบของ coolacoustic
โดย license ทั้งหมดนั้น Loughborough University, UK. เป็นผู้ครอบครองและเปิดโอกาสให้ Guitar builder ต่างๆซื้อ Technology ไปผลิต Guitar ใน Brand ของตัวเอง

หลังจากที่ทดลองฟังเสียงจาก Guitar ของ coolacoustic ก็พบว่า
Coolacoustic น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งหรือเป็นก้าวย่างที่น่าสนใจของสายการผลิต Guitar ในอนาคต
เด็กรุ่นใหม่ๆอาจจะได้สัมผัสกับ Guitar เสียงดี ในราคาที่ถูกกว่า Guitar เสียงดีที่ผลิตจากไม้

ความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ความชอบของบางคนอาจดูไร้สาระกว่าของบางคน
หลายคนวางความชอบไว้ที่บ้าน ...ออกไปต่อสู้กับโลกภายนอกด้วยมานะ
หลายคนกลัวที่จะเปลี่ยนแปลงไปทำสิ่งที่ชอบ...เพราะกลัวจะไปที่ชอบที่ชอบ...
หลายคนยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร...


Dr Owain Pedgley แสดงให้เห็นว่า ความชอบและความตั้งใจที่ดีนำมาซึ่งความฝันที่ต้องทำให้สำเร็จ
และผลของความตั้งใจทำงานบนพื้นฐานความชอบนั้น . . . หอมหวานเสมอ

vthink

Fame

Fame is the shadow of passion standing in the light.

ชื่อเสียง เป็นเงาของตัณหาซึ่งยืนอยู่ในแสงสว่าง

Kahil Gibran
ระวี ภาวิไล

ผู้ดีคอนกรีต

กิจกรรมมื้อเย็นที่ผ่านเข้ามาในชีวิตช่วงนี้ของผม?

หนุ่มสาวและแขกผู้มีเกียรติในชุดผู้ดีป่าคอนกรีตย่างกรายผ่านไอเย็นยามค่ำคืน
เข้าสู่อาคารหลายคูหาขนาบถนนกับลานคอนกรีต แสงไฟระยิบระยับจับดวงตา เสียงดนตรีนุ่มและแผ่วเบาสร้างบรรยากาศอบอุ่น อากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศจำนวนมากไหลอาบผิว หยุดยั้งเหงื่อไคลและอารมณ์หงุดหงิดได้อย่างชะงัด

คุณผู้ชายใส่สูทผูกเนคไท คุณผู้หญิงในชุดราตรี
ควบขี่รถยนต์หลายสกุลที่วิ่งพล่านมาบนความสับสน
วุ่นวายของกรุงเทพฯ เขาและหล่อนเดินสู่ซุ้มดอกไม้เพื่อถ่ายรูปกับคู่หนุ่มสาวเจ้าของงาน และผ่านเข้าสู่โถงกลางที่เรียงรายด้วยอาหารพร้อมแดกแบบตัวใครตัวมัน เขาและหล่อนยิ้มทักทายคนคุ้นหน้า และด้วยความเป็นกันเอง ความคุ้นเคยกันมานาน บทสนทนาแบบตรงไปตรงมาก็เริ่มต้นขึ้นอย่างง่ายๆ ขณะเครื่องดื่มและอาหารถูกลำเลียงเข้าสู่กระเพาะ


ใครผู้ยืนหลังไมโครโฟนกล่าวคำขอบคุณคู่นั้นคือชายและหญิงผู้ซึ่งตกลงปลงใจ
ใช้ชีวิตร่วมกันนับตั้งแต่คืนนี้

ในยามค่ำคืนของการเฉลิมฉลองอย่างเกริกเกียรติท่ามกลางแขกผู้เลอเกียรติตามบัตรเชิญ มันเป็นความหรูหราในบางบุคคลิกแห่งยุค เวลาและค่านิยมที่ผ่านมานานกลายเป็นความคุ้นชินที่เขาและหล่อนไม่กังวล ไม่ลังเล และพร้อมจะทุ่มเทหมดหน้าตักเพื่อวันนี้...

วันแต่งงาน . . .

ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสมัยประถม เพื่อนอุดมศึกษา หรือแม้แต่ญาติติโกโหติกาทั้งหลายที่รุ่นราวคราวเดียวกับผมก็ทยอยแต่งงานกันไปแล้ว บางงานที่ผมพลาดไปเพราะเป็นช่วงที่พักอาศัยอยู่ต่างประเทศก็มีไม่น้อย
และอีกบางงานที่ผมมีโอกาสเข้าร่วมแสดงความยินดี

ต่างงาน ต่างรูปแบบ ต่างอารมณ์ . . .
บางงานเต็มไปด้วยผู้ใหญ่และคนแปลกหน้า
บางงานเต็มไปด้วยเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานาน
และบางงานเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเฮฮากับเพื่อนสนิท


ล่าสุดกับงานแต่งงานที่ทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเป็นเพื่อนร่วมรุ่นสถาปัตย์จุฬาฯ
ก็ยิ่งต้องไปร่วมแสดงความยินดีกับทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาว เพราะนอกจากจะไปร่วมเป็นเกียรติในงานมงคลของเพื่อนแล้ว งานนี้ยังเหมือนเป็นการ Reunion ของเพื่อนๆสถาปัตย์จุฬาฯด้วย ซึ่งเป็นไปได้ยากในการรวมตัวกันขนาดนี้ด้วยเหตุผลอื่น


ค็อคเทล ปาร์ตี้ยามค่ำคืน อารยธรรมและขนบประเพณีในรูปแบบที่ผู้รับเชิญจะไม่คิดถึงน้ำพริกอ่อง ยำปลาดุกฟูกับมะม่วงเปรี้ยว แกงขี้เหล็กและเขียวหวานไก่

พนักงานต้อนรับในชุดงามใบหน้าเรียบเย่อหยิ่งแต่นอบน้อม วางถาดเงินบนฝ่ามือหงายพร้อมแก้วบรรจุเครื่องดื่มนานาชนิด
วิสกี้นอกผสมโซดา น้ำส้มคั้นจอมปลอม น้ำดำอัดลมยอดนิยม ถูกเสิรฟไม่ขาดระยะจากบริกรที่ไม่มีเวลาเหลือเฟือมากนัก
ผมสงสัยถึงการหายไปของน้ำดื่มบริสุทธิ์ เครื่องดื่มที่ดีและมีประโยชน์ที่สุดสำหรับมนุษย์ถูกวางไว้หลังครัว

บนโต๊ะกลมและโต๊ะยาวคลุมลินินกลางห้องโถงนั้น เรียงรายด้วยจานสวย ช้อนแกะสลัก และอาหารนานาชนิดตามเม็ดเงินที่จ่ายให้กับทางโรงแรม

“มึงจะแต่ง มึงต้องมีอย่างน้อยล้านนึง” เพื่อนคนนึงเอ่ยขึ้นเรียบๆ

“อยากรู้เรื่องค่าใช้จ่าย มึงไปถามแม่งได้ ตอนนี้แม่งรู้ดี” เพื่อนอีกคนชี้ไปที่คู่บ่าวสาวที่กำลังยืนยิ้มบนเวที ขณะผมนึกเปรียบเทียบงานแต่งหลายๆงานที่ผมไปร่วมมา ทั้งโต๊ะจีนและค็อกเทล

“ส่วนมากแขกที่มางานก็ต้องช่วยใส่ซองให้คู่บ่าวสาวอยู่แล้ว ก็ต้องช่วยกัน” เพื่อนคนเดิมผมเอ่ยต่อ

อะไรเป็นตัวกำหนดกฎเกณฑ์ของรูปแบบงานแต่งงาน?
จ่ายออกไปสูงเพื่อสถานที่และอาหารรสเลิศ
เชิญคนจำนวนมากมาร่วมงานพร้อมซองช่วยเหลือ

“มึงล่ะ เมื่อไหร่ดี?”
“จะแต่งยังวะ?” คำถามนิยมจากเพื่อนคนหนึ่งถึงเพื่อนอีกคน และอีกคน

“ตั้งแต่เรียนจบ มันก็ทำงานเก็บเงินมา
ตลอดเพื่องานนี้” เพื่อนคนหนึ่งกล่าวถึงเจ้าบ่าวแบบชื่นชมในความตั้งใจ

“จบมาทำงานรับเงินเดือน ปีนึงจะเก็บได้เท่าไหร่กันวะ แล้วต้องจ่ายไปกับการซื้อบ้าน แต่งบ้าน รถยนต์ แล้วก็งานแต่งงาน ถ้ารับภาระคนเดียวจริงๆได้นี่เก่งมาก มันไม่ง่ายเลยสำหรับกู” ผมเอ่ยขึ้นขณะเพื่อนผมตอบด้วยการยักไหล่แบบอเมริกัน


ผมมองว่าเรากำลังถูกธุรกิจของโรงแรมยัดเยียดและครอบงำโดยแผนที่ชาญฉลาด
ของนักบริหารโรงแรมเพียงไม่กี่คน ทุกสิ่งที่นำเสนอในงานเป็นเรื่องของการหารายได้ของโรงแรม ประเพณีต่างๆที่เพี้ยนไป เช่น การนำภาพของคู่บ่าวสาวขนาดใหญ่ยักษ์และขนาดย่อมอีกจำนวนมาก
มาตั้งประดับตบแต่งตลอดพื้นที่งาน ซึ่งการนำภาพมาจัดวางในงานแบบนี้ ผมเห็นมันในงานศพมากกว่า เพราะผู้ตายนั้นนอนในโลง ผู้มากราบไหว้ไม่สามารถเห็นใบหน้าได้ จึงมีรูปถ่ายวางควบคู่กันไปเสมอ มางานแต่งงานก็เห็นคู่บ่าวสาวยืนต้อนรับอยู่หน้างานกันทั้งนั้น ภาพที่ตั้งประดับไว้ใหญ่โตจึงดูล้นเกินและซ้ำซ้อน

ไหนจะเรื่องของสไลด์หรือหนังสั้นที่แสดงประวัติความเป็นมาตั้งแต่หลุดออกมา
จากมดลูกของมารดาอีกเล่า ฉายไล่กันมายาวจนแขกบางคนหาว บางคนจิ้มจ้วงอาหารทานกันต่อไปแบบไม่สนใจจะรับรู้ประวัติ
ขณะบางคนจดจ่อและขอเพียงวิสกี้ที่ชุ่มลิ้น
และบางคนกลับบ้านขณะห้องโถงถูกปิดไฟลงเมื่อสไลด์เริ่มต้น


จะมีสักที่คนในบรรดาแขกผู้เลอเกียรติที่สนใจอยากรู้ประวัติของเขาและหล่อน?


งานแต่งงานที่จัดแบบค็อกเทลในปัจจุบันจากที่เคยมีจุดประสงค์เพื่อมาพบปะสังสรรค์
และให้เกียรติกับคู่บ่าวสาว ทานกันพอเป็นพิธี ก็กลายเป็นงานที่ทานกันแบบหนักหน่วงจากรายการอาหารชุดใหญ่ที่ทางโรงแรม
จัดหามา จนต้องหาที่นั่งทานกันตามซอกมุมในห้องโถงใหญ่ ค๊อกเทลที่เคยยืนจิบเครื่องดื่มและอาหารพอคำก็กลายเป็นข้าวหน้าเป็ด สปาเก็ตตี้ซอสเนื้อ มักกะโรนีราดซอสเห็ด เกี้ยวน้ำหมูแดง แกะย่าง และกุ้งเผา

จากที่เคยเดินเข้างานมีสองมือ มือหนึ่งถือซอง ลงนามแล้วถือของชำร่วย อีกมือหนึ่งถือแก้ว ถ่ายรูปแล้วยืนพบปะสังสรรค์กันแต่พองาม ก็กลายเป็นต้องหามุมนั่งแทะเป็ด เคี้ยวแกะ ชำแหละเปลือกกุ้ง ใครที่หามุมลงไม่ได้ก็ยืนหนีบของ คาบผ้าเช็ดปากกันไปตามแต่ถนัด และนี่…คือการแดกแบบผู้ดีในป่าคอนกรีต

ไหนจะเรื่องของฤกษ์งามยามดีที่ส่งให้คนนิยมจัดงานแต่งงานในวันเดียวกันทั่วทั้งเมือง ห้องโถงในโรงแรมต่างๆถูกจับจองกันล่วงหน้ายาวนานหลายต่อหลายเดือน ซึ่งช่วยให้การจราจรที่สะดวกสบายมากอยู่แล้วในกรุงเทพฯยิ่งสะดวกสบายมากขึ้นไปอีก
ในวันที่ฤกษ์ดีมาถึง น่าขันที่หลายคู่ที่จัดเตรียมวางแผนดูฤกษ์กันมาเป็นปีสำหรับงานแต่งงาน ต้องจบชีวิตคู่ลงหลังแต่งงานเพียงระยะเวลาไม่กี่เดือน

ค่าใช้จ่ายในงานแต่งงานจากสมัยก่อนที่เคยเป็นแค่หลักหมื่น ปัจจุบันกลายเป็นหลักหลายแสนจนถึงหลักหลายล้านไปอย่างน่าตกใจ ค่าของการประกาศความเป็นคู่บ่าวสาวของคนสองคนมันช่างแพงระยับ
สำหรับการใช้จ่ายเพื่องานชั่วข้ามคืน

ขอโทษ ! ผมไม่มีทางออกสำหรับค่านิยมแบบนี้ ถึงผมไม่ชอบมันแต่ปัจจัยหลายๆด้านก็ทำให้ผมหาทางออกที่ลงตัวไม่เจอ นอกจากเปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว ยังไม่สามารถช่วยให้ค่านิยมเหล่านี้ลดลงได้ และยากที่จะหนีออกจากระบบเช่นกัน

ผมรู้ว่าคนมีเงินทานอาหารกลางวันกันมื้อละหลายพันจนถึงหลายหมื่นบาท งานแต่งงาน
แค่หลักหลายแสนถึงล้านต้นๆคงเป็นเรื่องที่เสียศักดิ์ศรีของบางวงค์ตระกูล ซึ่งไม่ผิด ถ้าใช้จ่ายโดยไม่เดือดร้อน ซื้อความสุขและความภูมิใจในรูปแบบต่างๆโดยไม่เบียดเบียนผู้อื่นก็เป็นสิทธิ์ที่ทุกคน
พึงกระทำได้ จะจัดงานแต่งงานหลักหลายล้านก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องท้วงติง แต่สำหรับคนที่หน้าตาทางสังคมต้องมาก่อน ศักดิ์ศรีเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ ไม่ว่าเบื้องหลังจะลำบากเพียงไรเบื้องหน้าต้องสวยหรูไว้ห้ามมิให้ใครดูหมิ่นเล่า มันถูกต้องแล้วหรือ?

ผมกลับนิยมพิธีแต่งงานของคนอเมริกันหลายๆคู่ ที่แต่งกันไปแบบเรียบง่าย ด้วยความเป็นกันเองมากกว่า

เปล่า ! ผมไม่ได้ชื่นชมหรือเทิดทูนคนอเมริกันแบบหลับหูหลับตา อเมริกันบางคนสอนผมว่าการเป็นสุภาพบุรุษไม่มีความยุ่งยากมากกว่าการเอื้อมตีน
ผลักบานประตูให้แง้มออก สำหรับภรรยาผู้หอบหิ้วถุงอาหารจากซูปเปอร์มาเก็ตให้
ผ่านเข้าบ้านอย่างสะดวก . . . นั่นเป็นความเรียบง่ายรูปแบบหนึ่งที่ผมไม่พึงปรารถนา มันไม่ง่ายเลยที่จะหาความพอดีของชีวิต โดยเฉพาะชีวิตที่ไม่ใช่มีเพียงเราลำพัง


วันแต่งงานน่าจะเป็นเพียงวันหนึ่งที่คนสองคนมาเริ่มใช้ชีวิตร่วมกัน ง่ายๆแค่นั้น ก็เพราะเช้าวันถัดไป เขาและหล่อนก็เป็นเพียงสามีภรรยาธรรมดาคู่หนึ่งที่ต้องเดินร่วมกัน ฟันฝ่าอุปสรรคด้วยกัน ต่อสู้ชีวิตร่วมกันในวันข้างหน้าเท่านั้น และมัน “แค่นั้น” จริงๆสำหรับผม

จำเป็นหรือที่เราต้องเทหมดหน้าตักเพื่อประกาศความเป็นสามี ภรรยา?

รอยยิ้มและความภูมิใจบนเวทีต่อหน้าเค้กสูงขนาดใหญ่ที่รอกระบี่เล่มยาวเข้าตัด เบื้องหน้าที่เปื้อนยิ้มกับเบื้องหลังของหัวใจว้าวุ่นที่ต้องต่อสู้กับภาระหรือหนี้สิน
ในภายหลังมันคุ้มแล้วหรือ? และนั่นคือความคิดเอาแต่เพียงฝ่ายเดียวของผมที่อยากให้ชีวิตดำเนินไปแบบเรียบง่าย พอเพียง


ใช่ ! มันอาจถูกมองว่าชุ่ย ไม่ให้เกียรติญาติผู้ใหญ่ ไม่มีมารยาท หรือไม่แคร์สังคม หากจะจัดงานกันในรูปแบบตามใจตน ไม่สนใจคนอื่น ซึ่งผมเข้าใจ . . . เหตุผล Classic ที่เอาไว้บอกตัวเองสำหรับเรื่องนี้คือ เราอยู่ในสังคมไทย ไม่ได้อยู่กันแค่สองคน ดังนั้นเราต้องคำนึงถึงคนอื่นด้วย

การหาจุดที่ลงตัวของทุกฝ่ายจึงเป็นเรื่องที่ต้องหาให้เจอ มันเป็นค่านิยมของชายไร้สตางค์เหลือเฟือที่ต้องครุ่นคิดถึงมันอย่างว้าวุ่น แล้วราคาค่างวดของการจัดงานแต่งงานก็กลายเป็นปัญหาสำหรับมนุษย์เงินเดือน
ที่ต้องผ่านไปให้ได้อย่างสวยงาม


วางปลายสายตาไปที่คู่บ่าวสาว กระบี่เล่มยาวถูกประคองด้วยสองมือจากเขาและหล่อน พลันก้อนเค้กสูงใหญ่ถูกแบ่งผ่าและส่งถ่ายสู่แขกผู้ดีคอนกรีตเพื่อลิ้มรสอันหอมหวาน

ใครและใครเนืองแน่นในอากาศที่อ๊อกซิเจนถูกแย่งกันหายใจรดบนแก้วใสทรงสูงบรรจุ
วิสกี้ผสมโซดา ผมยินดีกับเขาและหล่อนผู้ซึ่งเป็นเจ้าของงานอย่างจริงใจ
แต่ความรู้สึกโรแมนติคแบบว้าวุ่นในใจยังครุกรุ่น


ผมพาร่างและความคิดที่ยอกย้อนกังวลกับความขัดแย้งจากมาหลังเสร็จพิธี คำถามและความสงสัยช่วยให้การเดินทางกลับบ้านในค่ำคืนหลังงานแต่งงานทุกงาน
ที่ผ่านมาไม่น่าเบื่อหน่าย

มันเป็นความหรูหราอย่างร้ายกาจที่ใครหลายคนในป่าคอนกรีตมิอาจปฎิเสธมัน