4P (สี่ปอ - โป่ง ป๊อป ปอง เปิ๊ด)

Oct 26 at Overtone RCA
เป็นคืนที่หนาแน่นไปด้วยคนไทยใจ rock
ที่มารวมตัวกันเพื่อเสพดนตรีจากนักดนตรีชั้นยอดรู้จักกันในนามของ 'The Sun'
แต่ครั้งนี้เปลี่ยนมือเบส และใช้ชื่อวงใหม่ว่า 4P (สี่ ปอ)
ซึ่งหมายถึง โป่ง ป๊อป ปอง เปิ๊ด

กับบทเพลงในตำนาน ที่ชาว rock ไทยรู้จักและร้องกันได้ดี
จาก Stone Metal Fire , The Sun, The Olarn Project
บทเพลงจากอัลบั้มอมตะในใจของใครและใครหลายคน
และเป็นอิทธิพลในการสร้างสรรดนตรีต่อคนอีกหลายคนจนถึงปัจจุบัน
ถูกนำมาบรรเลงกันต่อเนื่อง กระชากอารมณ์คนดูได้อย่างจัดจ้าน

ลีลาสบัดหัว ผมสยาย เสน่ห์ของเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์
ท่าขมวดและยักคิ้วทำตาทะเล้นและลีลาของบทสนทนาอันระริกซิกซี๊
จากนักร้องนำสานบรรยากาศได้อย่างสรวลเส

'เมากันหรือยังครับ....?'
'เมาหรือยังงงงง.......?'

'ผมจะได้รีบตามไป....ว่ะ ฮะ ฮ่า'

มันคือของเหลวสีทองไร้ชีวิต แต่นักการเมืองหรือคนกวาดถนนต่างก็ยอมรับว่ามันคือน้ำแห่งชีวิต
มันสร้างพลัง และเติมไฟรื่นเริงให้กับชีวิต และมันอ้าแขนที่มองไม่เห็น โอบกอดและพาเราไปสู่เชิงตะกอน

มือเบสในมุมมืด 'เปิ๊ด' ควบคุมจังหวะ ไว้ได้อย่างสวยงาม
มือกลองร้อยวง 'ปอง' ที่คงไม่ต้องการคำอธิบายอะไรอีกในเรื่องของฝีมือและประสบการณ์
ถือเป็นกระดูกสันหลังชั้นดีชิ้นโตให้กับวง

ผมกวาดสายตารอบเวทีอย่างเพลิดเพลิน แล้วหยุดสายตาลงที่ ไม้กัดสี แดงเลื่อมทอง
ปะหน้าด้วยพลาสติกลายมุขระยิบระยับ มันสะดุดตา แปลกตา น่าสนใจ
โดดเด่น โดยไม่ต้องเรียกร้อง
พลันเคลื่อนสายตาไปตามท่อนไม้โรสวู๊ด(rosewood) จับจ้อง ไล่ตาม ไปกับนิ้วทั้งสี่
อันกรีดกราย สลายความเงียบสงัด
เขาคือมือกีต้าร์ที่ทุกคนรู้จักกันดี ด้วยสำเนียงและชั้นเชิงที่ไม่เป็นรองใคร 'ป๊อป The Sun'

ท่วงทำนองดนตรีและเนื้อร้องที่กลั่นกรองมาจากชีวิต มันเปิดเผย จริงใจ และแต้มไว้ด้วยลีลาเย้ายวน
ดนตรีไทยสากลแห่งยุคปลาย 80s' - 90s'
ดนตรีไทยสากลที่คุณภาพไม่ด้อยไปกว่าเพลงสากล
นาทีต่อนาที เพลงต่อเพลง พริ้วไหว และร้อนเร่า
ส่งพลังสะกดคนฟังไว้อย่างไม่ยากเย็น

เหงื่อชุ่มในรูขุมขน สำลักออกตามผิวหนัง ของนักดนตรีทั้ง 4
มันถูกขับออกมาจากพลังงานภายใน
พลังงาน Rock...
พลังงานที่ส่งให้ทุกคนที่นั่น ค้นหาความสุขกันตามอัธยาศัย

ก่อนพักครึ่ง . . . ถ้อยคำเกริ่นนำชวนฟังถูกเอ่ยขึ้น . . .
'หลังจากเล่นเพลงต่อไปนี้จบ คงต้องพักครึ่ง
เพราะเพลงต่อไปที่จะเล่นนี้ เมื่อร้องแล้ว จะร้องเพลงอื่นต่อไปไม่ได้อีก เพลงนั้นมีชื่อว่า Rocker'

'Rocker' เพลงเร็วสุดมันส์ ด้วยเสียงกรีดร้องสูง ทรงพลัง
และเสียงต่ำที่คมชัดเจือเสียงแตกไว้อย่างไพเราะ ตรึงคนดูไว้อย่างชงัด

หลักพักครึ่งเวลา พวกเขากลับมาบรรเลงกันอีกครั้งด้วยเพลงช้าหวาน
อย่างเพลง 'ยอม' 'หลงกล' 'ดีที่สุดแล้ว' สลับกับเพลงเร็วอย่าง 'สู้' 'หวาดระแวง'
และ 'Vampire'
'ถูกเธอกัด เธอดูด เธอกัด เธอดูด...ดัง...จ๊วบ จ๊วบ'
'ผมขอเสียงของผู้หญิงนะครับ . . . จ๊วบ จ๊วบ . . . '
ลีลาและจังหวะหยอกเย้า ฉีกรอยยิ้มได้อย่างถ้วนทั่วของนักร้องนำยอดเยี่ยมตลอดกาลนาน
สร้างบรรยากาศให้สนุกสนานมากยิ่งขึ้น

หรือแม้กระทั่งเพลงสากลระดับตำนานของ Ozzy และ Jimi Hendrix
พวกเขาทั้ง 'สี่ปอ' ก็นำมาบรรเลงได้อย่างลื่นไหล ชวนติดตาม

ลมกลางคืนในฤดูหนาวที่ไม่หนาว พัดผ่าน อาบไล้ผิวหนังทั่วใบหน้าเคล้าแสงนวลจากดวงไฟ
หลังจบการแสดง เมื่อได้ลายเซ็นจากมือกีต้าร์คนโปรด ผมเดินจาก ความขวักไขว่นั้นมาอย่างเรื่อยเฉื่อย
เปี่ยมสุขไปด้วยเสียงดนตรีไทยสากลเลิศรส ที่คงจะหาฟังยากขึ้นทุกวัน
มันคือเสน่ห์และพลังขับเคลื่อนของวัยหนุ่มสาวในยุคที่ผมเติบโตขึ้น

ผมบันทึกความทรงจำนั้นไว้ในความเร้าใจและฮึกเหิม
ความรู้สึกเหมือนเวลาเดินผ่านไปอย่างรวดเร็วด้วยความเพลิดเพลิน

เปล่า! เวลายังคงเดินไปตามทางของมันอย่างคงที่ และราบรื่น

มันใกล้รุ่งอรุณที่รอตะวันฉายชัดขึ้น
มันคือรุ่งสางที่หลายคนกำลังจะตื่นขณะผมกำลังวางศรีษะลงที่หมอนใบเดิม
ในความเฉื่อยช้า อ่อนเพลีย ก่อนเปลือกตาจะปิดในคืนนั้น
มันแฝงไว้ด้วยความอึกทึก ครึกโครมของเสียงที่หนักหน่วงจากดนตรีแห่งยุค 90s'

Heavy Metal . . .

Pro Jam

4 ทุ่มถึงตีสองคืนที่ผ่านมา ผมผ่านเวลาชีวิตของผมที่ Overtone
สถานเสพดนตรีชั้นเยี่ยมบนถนน RCA

13 ตุลา กับ Pro Jam ซึ่งประกอบไปด้วยนักดนตรีฝีมือดีที่เป็นที่รู้จักกว้างขวาง
พี่โอม พี่ป๊อป พี่ปราชญ์ พี่กบ และ พี่อู๊ด

150 บาทสำหรับ 1 drink และเป็นค่า cover charge
สำหรับการเข้าชม Pro Jam
ถือว่าไม่แพงเลย สำหรับการได้เสพดนตรีอย่างใกล้ชิด และเป็นกันเองแบบนี้
แถมยังได้ CD Single "friends" ของพี่โอม ติดมือกลับมาด้วยพร้อมลายเซ็น
ก็นับว่าเป็นการผ่านเวลาชีวิตที่คุ้มค่าทีเดียว

ผมไม่ได้กลับบ้านดึกขนาดนี้มานานแล้วจริงๆ . . .

Stone Metal Fire (หิน เหล็ก ไฟ)

vthink
หินทนทาน อัดแน่นอุด ดุจภูผา
เหล็กแกร่งกล้า ท้าพายุ ไม่ผุหมอง
ไฟเร่าร้อน พริ้วไหวอ่อน ซ่อนทำนอง
แสงเรืองรอง สาดส่อง สุดฟ้าไกล

นักดนตรี ห้าชีวิต ติดตามฝัน
รวมตัวกัน ร่วมสรรสร้าง อย่างใจหมาย
ก่อกำเนิด ดนตรีเข้ม เต็มลวดลาย
หินเหล็กไฟ มั่นหมายไว้ ใช้เรียกวง

ชุดที่หนึ่ง ผงาดบิน 'หิน เหล็ก ไฟ'
นางแมวร้าย ร่ายสวาท ทาสลุ่มหลง
'ยอม''เพื่อเธอ' 'พลังรัก' ปักใจตรง
ร้อยบรรจง เป็นเพลงสวย ด้วยหัวใจ

vthinkvthinkvthinkvthink
ชุดที่สอง มองตัวตน คนยุคเหล็ก
ถ้อยคำเอก ปฐมพงศ์ ดำรงค์ไว้
จักรรินทร์ นำพล คนกรีดสาย
นรงค์ได้ ไว้ลายเบส เลสเตอร์กลอง

'หวาดระแวง' 'หลงกล' 'คนธรรมดา'
จังหวะกล้า ลีลาดี มิมัวหมอง
'คิดไปเอง' 'มั่วนิ่ม' อิ่มทำนอง
ประกาศก้อง ฝีมือเด่น เป็นเพลงไทย

ดนตรีหนัก จังหวะแน่น เป็นแก่นสาร
พลังงาน ถูกปลดปล่อย ร้อยความหมาย
ยามโอนอ่อน ร้อนรุ่ม นุ่มสบาย
เรียบเรียงได้ จังหวะดี มีลีลา

vthinkvthinkvthinkvthink
ชุดที่สาม ใช้ชื่อเท่ห์ Never Say Die
ยังเฉิดฉาย จรัสแสง แข็งแกร่งกล้า
เพลงช้าสวย ด้วย'ศรัทธา' และ'สัญญา'
'สิบปากว่า' ย้ำอารมณ์ สมฤทัย

เพลงเร็ว'ลุย' และ 'คอทั่งสันหลังเหล็ก'
ร้อยเรียงเสก รวดเร็วร้อน ไม่อ่อนไหว
แกร่งดังหิน แข็งดังเหล็ก ร้อนดั่งไฟ
กระชากใจ ได้ทุกครา เวลาฟัง

เพลงสุดมันส์ เพลง'วันที่ยิ่งใหญ่'
ก่อนจะสาย โอกาสมี ชี้ความหวัง
ทำให้ดี กล้าพิสูจน์ สุดกำลัง
เสริมพลัง ไม่ท้อแท้ พ่ายแพ้ภัย

vthinkvthinkvthink
ชุดที่สี่ Acoustique ฉีกแนวออก
ปอกเปลือกลอก เห็นเนื้อแน่น แก่นกลางใส
นำเพลงเก่า สิบเอ็ดเพลง บรรเลงใหม่
ดำรงค์ไว้ ความไพเราะ เสนาะคม

เพิ่มสองเพลง เพลง 'อภัย' และ 'ดีดี'
เสริมชุดนี้ ให้ควรค่า น่าสะสม
ดีวีดี วีซีดี มีให้ชม
ให้รื่นรมย์ คมมาดเข้ม เปรมปรีดา

ดนตรีร็อค ระบือนาม งามสะคราญ
สอดประสาน ประสิทธิ์ไว้ ให้ศึกษา
หินเหล็กไฟ ประทับใจ เสมอมา
ก้าวที่กล้า น่าจดจำ ตำนานไทย

vthinkvthinkvthinkvthinkvthink