ดนตรีชีวิต

ในโลกของดนตรี การแสดงสดนั้นเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทั้งผู้เล่นและผู้ฟังต่างหลงใหล สเน่ห์ที่กล่าวถึงนั้นก็คือ สิ่งที่คาดไม่ถึง...สิ่งที่ไม่รู้ ไม่เคยได้ยินมาก่อน...
ผู่เล่นปล่อยจินตนาการไปตามอารมณ์ของตนเองผสมผสานเข้ากับท่วงทำนองของบทเพลง อาจเล่นโน๊ตที่ไม่ได้เตรียมหรือซ้อมมาก่อน แต่เป็นโน๊ตที่ออกมาจากความคุ้นชินจากการฝึกฝน จากอารมณ์และจังหวะที่พาไป ณ วินาทีนั้น

ผู้ฟังคาดเดาตัวโน๊ตจากผู้เล่นไม่ได้ ความแตกต่างของเสียงที่ต่างไปจากแผ่นเสียงที่เคยเปิดฟังนั้นล้วนแล้วแต่เป็นสเน่ห์ที่ชวนหลงใหล และเป็นเอกลักษณ์ . . . ชวนให้ติดตามการแสดงสดอยู่เสมอ
ภาษาดนตรี เรียกสิ่งนี้ว่า Improvise

หลายครั้งที่ผู้เล่น เล่นผิดพลาด แต่ใช้ไหวพริบพลิกแพลง ประคับประคอง บทเพลงต่อไปได้ ไม่ล่มกลางทาง และอาจนำมาซึ่งความชอบ และได้รับคำชื่นชมจากผู้ฟัง . . . อย่างน้อยก็ดีกว่าหยุดเล่นเพราะเล่นผิด ป่วยการที่จะหยุดเล่นให้เกิดช่องว่างที่ไม่พึงประสงค์ระหว่างบทเพลงในช่วงเวลานั้น

ชีวิตก็เช่นดนตรี . . . ต้องดำเนินต่อไปข้างหน้าทุกๆวินาที
เราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวินาทีต่อไป
เราสามารถเตรียมตัว ฝึกฝน ซักซ้อม เพื่อให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุดได้ แต่หากพลาดพลั้ง ก็ต้อง Improvise ชีวิตให้ดี ให้ดำเนินต่อไปได้ ให้กลมกลืนกับจังหวะของชีวิต ไม่หยุด ไม่ปล่อยให้เกิดช่องว่างอันไม่พึงปรารถนา ไม่ล่มกลางทาง

Improvise ไม่ใช่ความผิดพลาด แต่สามารถประสานสิ่งที่ผิดพลาดให้ดำเนินต่อไปกับจังหวะโดยรวมได้อย่างกลมกลืน เพราะชีวิตก็เหมือนดนตรี ที่ต้องดำเนินต่อไปจนถึงวินาทีสุดท้าย ไร้สาระที่จะจมอยู่กับความผิดพลาดในอดีต เพราะชีวิตที่ล้มลุกคลุกคลานก็ดีกว่าชีวิตที่ว่างเปล่าท้อแท้และหยุดนิ่ง

เมื่อเราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้...เราคงต้องบรรเลงชีวิตให้ดีที่สุด ณ วินาทีนี้และวินาทีต่อไป