หรือต่อไปเราอาจจะต้องค้นหามิตรภาพและความจริงใจกันด้วยวิธีนี้ . . .
อยากเก็บรัก (ไว้อย่างนี้)
7
comments |
This entry was posted on
ในคืนและวันที่มีแต่ความเงียบเหงา
ไม่มีแม้ดาวมีเพียงแต่ฟ้าที่มืดมน
ในใจของฉันนั้นอยากจะมีใครสักคน
อยู่คอยเป็นกำลังใจให้กันและกัน
ในคืนและวัน ที่เธอเดินเข้ามา
ในดวงตาของเธอมีความหมาย
เติมชีวิตที่อ่อนล้าให้สดใส
บอกกับใจจะมีเธอเท่านั้น
* เปรียบเธอเป็นดังดวงดาวที่พร่างพราว
สุกสกาวดั่งฟ้าที่สดใส
อยากให้เธออยู่เคียงข้างหัวใจ...ให้นาน...แสนนาน
** อยากเก็บรักไว้อย่างนี้
ต่อไปชั่วกาล...วันและคืนผ่าน...ใจฉันยังมั่นคง
ว่ายังจะรักเธออย่างนี้
ด้วยใจที่ซื่อตรง...จะยังคงอยู่เคียงข้างเธอ
(*, **)
** อยากเก็บรักไว้อย่างนี้
ต่อไปชั่วกาล...วันและคืนผ่าน...มีเธอในหัวใจ
และยังจะรักเธอคนนี้
จะรักเธอเรื่อยไป...นานเท่าไรจะยังคงรักเธอ...ไม่เปลี่ยนแปลง
--------------------------------------------------------------------------------------------------
คำร้อง : วุฒิกุล โอเจริญ, สุวพาส ดวงจิตต์งาม
ทำนอง : วุฒิกุล โอเจริญ
เรียบเรียง : ธีรภัค มณีโชติ (พี่เต็น Smile Buffalo)
ร้อง : สุวพาส ดวงจิตต์งาม
กีตาร์ : ปวินทร์ อึ้งประพันธ์, วุฒิกุล โอเจริญ
เบส : เสกสรร เล็กอุทัย
ฟรุต : ฆ้อง มงคล (YKPB band)
กลอง : ต่อตระกูล ใบเงิน (พี่คอง Sillyfool)
--------------------------------------------------------------------------------------------------
CLICK HERE TO DOWNLOAD THE SONG
ไม่มีแม้ดาวมีเพียงแต่ฟ้าที่มืดมน
ในใจของฉันนั้นอยากจะมีใครสักคน
อยู่คอยเป็นกำลังใจให้กันและกัน
ในคืนและวัน ที่เธอเดินเข้ามา
ในดวงตาของเธอมีความหมาย
เติมชีวิตที่อ่อนล้าให้สดใส
บอกกับใจจะมีเธอเท่านั้น
* เปรียบเธอเป็นดังดวงดาวที่พร่างพราว
สุกสกาวดั่งฟ้าที่สดใส
อยากให้เธออยู่เคียงข้างหัวใจ...ให้นาน...แสนนาน
** อยากเก็บรักไว้อย่างนี้
ต่อไปชั่วกาล...วันและคืนผ่าน...ใจฉันยังมั่นคง
ว่ายังจะรักเธออย่างนี้
ด้วยใจที่ซื่อตรง...จะยังคงอยู่เคียงข้างเธอ
(*, **)
** อยากเก็บรักไว้อย่างนี้
ต่อไปชั่วกาล...วันและคืนผ่าน...มีเธอในหัวใจ
และยังจะรักเธอคนนี้
จะรักเธอเรื่อยไป...นานเท่าไรจะยังคงรักเธอ...ไม่เปลี่ยนแปลง
--------------------------------------------------------------------------------------------------
คำร้อง : วุฒิกุล โอเจริญ, สุวพาส ดวงจิตต์งาม
ทำนอง : วุฒิกุล โอเจริญ
เรียบเรียง : ธีรภัค มณีโชติ (พี่เต็น Smile Buffalo)
ร้อง : สุวพาส ดวงจิตต์งาม
กีตาร์ : ปวินทร์ อึ้งประพันธ์, วุฒิกุล โอเจริญ
เบส : เสกสรร เล็กอุทัย
ฟรุต : ฆ้อง มงคล (YKPB band)
กลอง : ต่อตระกูล ใบเงิน (พี่คอง Sillyfool)
--------------------------------------------------------------------------------------------------
CLICK HERE TO DOWNLOAD THE SONG
Purpose
6
comments |
This entry was posted on November 23, 2005
สมศักดิ์ logon เข้าไป Chat ...
สมเกียรติ logon เข้าไปส่ง project ...
สมเกียรติ logon เข้าไปส่ง project ...
ดื่มนมเยอะเยอะ ร่างกายแข็งแรง
12
comments |
This entry was posted on November 13, 2005
..........................ดื่มอะไรไม่สู้......................ดื่มนม
..........................นมกลิ่นหอมชวนดม............แน่นเนื้อ
.........................เยอะมากหากอ้วนกลม.........เหนื่อยง่าย
.........................เยอะรสซดหัวเชื้อ...............อิ่มแล้วพุงกาง
.........................ร่างรูปซูบตอบแห้ง..............เอนเอียง
.........................กายล่ำกล้ามเนื้อเรียง............เด่นล้ำ
.........................แข็งแรงให้พอเพียง............ปลอดโรค
.........................แรงฤทธิ์ย้ำดื่มซ้ำ................หมดแก้วโตไว
..........................นมกลิ่นหอมชวนดม............แน่นเนื้อ
.........................เยอะมากหากอ้วนกลม.........เหนื่อยง่าย
.........................เยอะรสซดหัวเชื้อ...............อิ่มแล้วพุงกาง
.........................ร่างรูปซูบตอบแห้ง..............เอนเอียง
.........................กายล่ำกล้ามเนื้อเรียง............เด่นล้ำ
.........................แข็งแรงให้พอเพียง............ปลอดโรค
.........................แรงฤทธิ์ย้ำดื่มซ้ำ................หมดแก้วโตไว
Caramel Frappucio
12
comments |
This entry was posted on November 10, 2005
หย่อนตูดลงบนเก้าอี้ผ้าหนานุ่มสบาย แก้วพลาสติกใสทรงสูงในมือบรรจุกาแฟคั่วบดปั่น คาราเมลบนครีมขาวเหนือชั้นกาแฟส่งกลิ่นหอมเชิญชวน นวลไฟสีเหลืองอ่อนโอบกอดความสดชื่นในยามเช้า หุ้มห่อความอบอุ่นยามค่ำคืน แสงป้ายนีออนรูปสัญลักษณ์ของสินค้าทรงกลมสีเขียวสว่างสดใสสะดุดตา เสียงดนตรี jazz คลอเคล้าอารมณ์ สร้างบรรยากาศผ่อนคลาย
รู้ทั้งรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ที่สำหรับกาแฟรสเลิศ
รู้ทั้งรู้ว่าที่นี่เป็นสถานที่สิ้นเปลือง
รู้ทั้งรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ที่เงียบสงบสำหรับการนั่งทำงาน
รู้ทั้งรู้ว่าที่นี่สร้างกระแสนิยมที่คนบางกลุ่มคิดว่านั่งแล้วเท่ห์ ดูดีมีชาติตระกูล ซึ่งมันไม่เท่ห์หรอกผมก็รู้
แต่ผมก็นิยมผ่านเวลาชีวิตของผมที่นี่บ่อยครั้งเป็นเวลานานๆ ไม่ว่าฟ้าเบื้องบนจะส่องสว่าง ครึ้มฝน หรือมืดสนิท
กระแสทุนนิยมที่แทรกตัวเข้าสู่ชีวิตเมืองทำให้ “เรา” ลืมหรือหนีจากรากฐานของการใช้ชีวิตแบบพอเพียงอย่างที่พ่อตรัสไปสู่การใช้ชีวิต
ที่โอบล้อมไปด้วยอุปสงค์อุปทานจอมปลอม
. . .“เรา”หมายรวมถึงผมด้วย . . .โดยเฉพาะการใช้ชีวิตสันโดษของผมที่อเมริกา
บ่อยครั้งที่ผมเลือกกำจัดเม็ดเงินของผมที่นี่มากกว่าร้านอาหารทั่วไปทั้งๆที่รู้ว่า
ค่าครองชีพที่นั่นสูงกว่าบ้านเรามากและผมควรจะใช้จ่ายให้คุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป
ทุกครั้งที่ผ่านสาขาของร้านนี้ในเมืองไทย แลเห็นจำนวนลูกค้าที่เข้าไปอุดหนุนร้านแล้ว คนหนุ่มสาวหลายคนก็คงคิดและทำไม่ต่างจากที่ผมเคยทำที่นั่น เห็นลูกค้ามากมายเข้าไปอุดหนุนเครื่องดื่มราคาสูงที่นี่แล้วผมต้องย้อนคิดถึงตัวเองสมัยอยู่อเมริกาทุกครั้งไป
มือข้างหนึ่งจับปากกาด้ามโปรดขีดเขียนภาพ ข้อความ จัดเรียงข้อมูลสำหรับงานวิทยานิพนธ์ ขณะมืออีกข้างลูบไล้ถ้วยพลาสติกใสได้ความรู้สึกถึงไอเย็น ผมหย่อนตูดลงที่นี่เนิ่นนานจนเลยเวลาของอาหารมื้อเย็นโดยไม่แยแสและไม่มีความคิดที่จะกลับบ้าน
ผมรู้ว่าผมตกอยู่ในกระแสนิยมเข้าเต็มที่ หลายครั้งที่ผมเลยเถิดคิดไปถึงสารเสพติดที่อยู่ในเครื่องดื่มซึ่งนำผมมาผ่านเวลาชีวิตและกำจัดเม็ดเงินที่นี่ อีกหลายครั้งที่ผมต้องหิ้วท้องกลับบ้านด้วยความหิวโหยแล้วจบลงที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
“ทำไมไม่เอาเงินไปซื้ออาหารวะ” ผมคิดขณะต้มบะหมี่ด้วยความหิว
ไร้รอยยิ้มรื่นเริงบนใบหน้าเหมือนเมื่อครู่ที่ยังอยู่ในร้าน ผมรู้ดีว่าค่ากาแฟและบราวนี่เมื่อครู่ซื้ออาหารจานโตได้ซึ่งขนาดของอาหารหนึ่งจานที่นั่น สามารถเลี้ยงชีพได้ 2 มื้อสบายๆ
. . .ไม่ต้องเตรียมอาหาร . . .ไม่ต้องทำอาหารเอง . . . ไม่ต้องล้างถ้วยล้างจาน
ด้วยความที่นอนน้อย พักผ่อนไม่พอ กอรปกับการดื่มกาแฟเย็นปั่นที่เย็นจัดตัดกับใจที่ร้อนรน ใบหน้าผมเริ่มย่นเกร็ง มันเย็นจนเสียดแทงเหมือนจะเข้าไปปลิดวิญญาณ บาดลึกเข้าไปถึงกลางกระโหลก พลันความรู้สึกปวดหัวเข้าแทนที่ความหิวขณะกระเทียมเจียว และผักโรยถูกราดและโปรยลงในชามบะหมี่หน้าเตาร้อน
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถูกคีบเข้าสู่ปากอย่างรีบร้อน ยินเสียงหัวใจเต้นอย่างชัดเจน ดังขึ้นและดังขึ้นเป็นระยะ แข่งกับเสียงเครื่องปรับอากาศตัวเก่าที่ยังทำงานตามปรกติ เหงื่อกาฬผุดขึ้นเต็มแผ่นหลัง เท้าทั้งสองเริ่มชาเหมือนจะเป็นไข้ เสียงดนตรี jazz ภายในห้องไม่สร้างบรรยากาศผ่อนคลายเหมือนในร้าน
พึมพำ “ยัง . . . ยังนอนไม่ได้ . . . เดี๋ยวแดกเสร็จต้องล้างจานอีก”
ผมนึกถึงร้านอาหารจีนราคาเท่าๆกับกาแฟเย็นปั่นแก้วนั้น นึกถึงอาหารและเครื่องดื่มสุขภาพที่ควรจับจ่าย
“โอย . . . พรุ่งนี้ กูจะเลิกแดกแม่งแล้ว แพงฉิบหาย เสียเงินแล้วยังปวดหัวอีก”
นึกถึงช่วงเดินถนนผ่านร้านนี้ทุกครั้ง ผมสาบานว่าจะไม่เข้าไปกำจัดเม็ดเงินของผมที่นี่อีก
อึดใจต่อมาหลังจัดการถ้วยชามจนเรียบร้อย ร่างที่อ่อนเพลียก็ทรุดลงที่ฟูกเก่าและหมอนใบเก่ง ตั้งใจว่าจะของีบหลับสักระยะและจะตื่นขึ้นมาเขียนวิทยานิพนธ์ต่อ . . .
อาทิตย์สาดส่องยามบ่ายเพิ่มอุณหภูมิในห้องให้ร้อนและปลุกผมให้ตื่นขึ้นอีกครั้งในบ่ายวันรุ่งขึ้น ผมสะดุ้งตื่นและรีบจัดแจงทำธุระส่วนตัวก่อนออกไปพบที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ที่ห้องสมุด
ตะวันลับขอบฟ้าอย่างรวดเร็วในบ่ายนั้น เวลาตลอดช่วงบ่ายถูกใช้ไปกับการเข้าพบที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เสนอและรับฟังข้อคิดเพื่อนำกลับมาแก้ไข แล้วจากห้องสมุดมาพร้อมคำถามและมุมมองที่แตกต่างยามตะวันโพล้เพล้
ผมเดินกลับบ้านที่ถนนสายเดิม . . . สายนั้น . . . ถนนที่ร้านนั้นเปิดต้อนรับอยู่ ผมยังจำภาพของวันวานได้ดี ผมรู้ว่ามันไม่ใช่ความฝัน ผมจำได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกคำพูด
ขณะเดินมาถึงบริเวณร้าน ผมถอนหายใจ ก้าวเดินอย่างเชื่องช้า ยินเสียงดนตรี Jazz ลอดออกทางประตูเมื่อลูกค้าในร้านผลักบานประตูให้เปิดออก ผมยังจำความรู้สึกนั้นได้ดี. . .
เสียงเพลงดังขึ้นและดังขึ้น . . .
ผมเบือนหน้าหนีหลบสายตาจากป้ายร้าน รายการเครื่องดื่ม และข้อความชวนเชื่อ
ล้วงมือลงในกระเป๋ากางเกง . . .
เอ่ยปากขึ้น . . .
“Excuse me…Can I have a venti Caramel Frappucino?”
รู้ทั้งรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ที่สำหรับกาแฟรสเลิศ
รู้ทั้งรู้ว่าที่นี่เป็นสถานที่สิ้นเปลือง
รู้ทั้งรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ที่เงียบสงบสำหรับการนั่งทำงาน
รู้ทั้งรู้ว่าที่นี่สร้างกระแสนิยมที่คนบางกลุ่มคิดว่านั่งแล้วเท่ห์ ดูดีมีชาติตระกูล ซึ่งมันไม่เท่ห์หรอกผมก็รู้
แต่ผมก็นิยมผ่านเวลาชีวิตของผมที่นี่บ่อยครั้งเป็นเวลานานๆ ไม่ว่าฟ้าเบื้องบนจะส่องสว่าง ครึ้มฝน หรือมืดสนิท
กระแสทุนนิยมที่แทรกตัวเข้าสู่ชีวิตเมืองทำให้ “เรา” ลืมหรือหนีจากรากฐานของการใช้ชีวิตแบบพอเพียงอย่างที่พ่อตรัสไปสู่การใช้ชีวิต
ที่โอบล้อมไปด้วยอุปสงค์อุปทานจอมปลอม
. . .“เรา”หมายรวมถึงผมด้วย . . .โดยเฉพาะการใช้ชีวิตสันโดษของผมที่อเมริกา
บ่อยครั้งที่ผมเลือกกำจัดเม็ดเงินของผมที่นี่มากกว่าร้านอาหารทั่วไปทั้งๆที่รู้ว่า
ค่าครองชีพที่นั่นสูงกว่าบ้านเรามากและผมควรจะใช้จ่ายให้คุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป
ทุกครั้งที่ผ่านสาขาของร้านนี้ในเมืองไทย แลเห็นจำนวนลูกค้าที่เข้าไปอุดหนุนร้านแล้ว คนหนุ่มสาวหลายคนก็คงคิดและทำไม่ต่างจากที่ผมเคยทำที่นั่น เห็นลูกค้ามากมายเข้าไปอุดหนุนเครื่องดื่มราคาสูงที่นี่แล้วผมต้องย้อนคิดถึงตัวเองสมัยอยู่อเมริกาทุกครั้งไป
มือข้างหนึ่งจับปากกาด้ามโปรดขีดเขียนภาพ ข้อความ จัดเรียงข้อมูลสำหรับงานวิทยานิพนธ์ ขณะมืออีกข้างลูบไล้ถ้วยพลาสติกใสได้ความรู้สึกถึงไอเย็น ผมหย่อนตูดลงที่นี่เนิ่นนานจนเลยเวลาของอาหารมื้อเย็นโดยไม่แยแสและไม่มีความคิดที่จะกลับบ้าน
ผมรู้ว่าผมตกอยู่ในกระแสนิยมเข้าเต็มที่ หลายครั้งที่ผมเลยเถิดคิดไปถึงสารเสพติดที่อยู่ในเครื่องดื่มซึ่งนำผมมาผ่านเวลาชีวิตและกำจัดเม็ดเงินที่นี่ อีกหลายครั้งที่ผมต้องหิ้วท้องกลับบ้านด้วยความหิวโหยแล้วจบลงที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
“ทำไมไม่เอาเงินไปซื้ออาหารวะ” ผมคิดขณะต้มบะหมี่ด้วยความหิว
ไร้รอยยิ้มรื่นเริงบนใบหน้าเหมือนเมื่อครู่ที่ยังอยู่ในร้าน ผมรู้ดีว่าค่ากาแฟและบราวนี่เมื่อครู่ซื้ออาหารจานโตได้ซึ่งขนาดของอาหารหนึ่งจานที่นั่น สามารถเลี้ยงชีพได้ 2 มื้อสบายๆ
. . .ไม่ต้องเตรียมอาหาร . . .ไม่ต้องทำอาหารเอง . . . ไม่ต้องล้างถ้วยล้างจาน
ด้วยความที่นอนน้อย พักผ่อนไม่พอ กอรปกับการดื่มกาแฟเย็นปั่นที่เย็นจัดตัดกับใจที่ร้อนรน ใบหน้าผมเริ่มย่นเกร็ง มันเย็นจนเสียดแทงเหมือนจะเข้าไปปลิดวิญญาณ บาดลึกเข้าไปถึงกลางกระโหลก พลันความรู้สึกปวดหัวเข้าแทนที่ความหิวขณะกระเทียมเจียว และผักโรยถูกราดและโปรยลงในชามบะหมี่หน้าเตาร้อน
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถูกคีบเข้าสู่ปากอย่างรีบร้อน ยินเสียงหัวใจเต้นอย่างชัดเจน ดังขึ้นและดังขึ้นเป็นระยะ แข่งกับเสียงเครื่องปรับอากาศตัวเก่าที่ยังทำงานตามปรกติ เหงื่อกาฬผุดขึ้นเต็มแผ่นหลัง เท้าทั้งสองเริ่มชาเหมือนจะเป็นไข้ เสียงดนตรี jazz ภายในห้องไม่สร้างบรรยากาศผ่อนคลายเหมือนในร้าน
พึมพำ “ยัง . . . ยังนอนไม่ได้ . . . เดี๋ยวแดกเสร็จต้องล้างจานอีก”
ผมนึกถึงร้านอาหารจีนราคาเท่าๆกับกาแฟเย็นปั่นแก้วนั้น นึกถึงอาหารและเครื่องดื่มสุขภาพที่ควรจับจ่าย
“โอย . . . พรุ่งนี้ กูจะเลิกแดกแม่งแล้ว แพงฉิบหาย เสียเงินแล้วยังปวดหัวอีก”
นึกถึงช่วงเดินถนนผ่านร้านนี้ทุกครั้ง ผมสาบานว่าจะไม่เข้าไปกำจัดเม็ดเงินของผมที่นี่อีก
อึดใจต่อมาหลังจัดการถ้วยชามจนเรียบร้อย ร่างที่อ่อนเพลียก็ทรุดลงที่ฟูกเก่าและหมอนใบเก่ง ตั้งใจว่าจะของีบหลับสักระยะและจะตื่นขึ้นมาเขียนวิทยานิพนธ์ต่อ . . .
อาทิตย์สาดส่องยามบ่ายเพิ่มอุณหภูมิในห้องให้ร้อนและปลุกผมให้ตื่นขึ้นอีกครั้งในบ่ายวันรุ่งขึ้น ผมสะดุ้งตื่นและรีบจัดแจงทำธุระส่วนตัวก่อนออกไปพบที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ที่ห้องสมุด
ตะวันลับขอบฟ้าอย่างรวดเร็วในบ่ายนั้น เวลาตลอดช่วงบ่ายถูกใช้ไปกับการเข้าพบที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เสนอและรับฟังข้อคิดเพื่อนำกลับมาแก้ไข แล้วจากห้องสมุดมาพร้อมคำถามและมุมมองที่แตกต่างยามตะวันโพล้เพล้
ผมเดินกลับบ้านที่ถนนสายเดิม . . . สายนั้น . . . ถนนที่ร้านนั้นเปิดต้อนรับอยู่ ผมยังจำภาพของวันวานได้ดี ผมรู้ว่ามันไม่ใช่ความฝัน ผมจำได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกคำพูด
ขณะเดินมาถึงบริเวณร้าน ผมถอนหายใจ ก้าวเดินอย่างเชื่องช้า ยินเสียงดนตรี Jazz ลอดออกทางประตูเมื่อลูกค้าในร้านผลักบานประตูให้เปิดออก ผมยังจำความรู้สึกนั้นได้ดี. . .
เสียงเพลงดังขึ้นและดังขึ้น . . .
ผมเบือนหน้าหนีหลบสายตาจากป้ายร้าน รายการเครื่องดื่ม และข้อความชวนเชื่อ
ล้วงมือลงในกระเป๋ากางเกง . . .
เอ่ยปากขึ้น . . .
“Excuse me…Can I have a venti Caramel Frappucino?”
เขียนภาพบันทึก รำลึกความหลัง
11
comments |
This entry was posted on November 6, 2005
..................เขียนชีวิตก่อนนี้....................ช่วยจำ
..................ภาพเมื่อครั้งเก่านำ................กล่าวย้อน
..................บันทึกแต่งแต้มทำ.................ตามแต่ เหตุนา
..................ทึกทักใจรุ่มร้อน....................ล่วงรู้ความจริง
..................รำเพยรำพร่ำเพ้อ...................พรรณนา
..................ลึกที่สุดเขียนมา.....................เกริ่นไว้
..................ความหลังเมื่อผ่านตา.............ย้อนอ่าน
..................หลังเหตุการณ์ผ่านไซร้ ..........อ่านแล้วสุขใจ
..................ภาพเมื่อครั้งเก่านำ................กล่าวย้อน
..................บันทึกแต่งแต้มทำ.................ตามแต่ เหตุนา
..................ทึกทักใจรุ่มร้อน....................ล่วงรู้ความจริง
..................รำเพยรำพร่ำเพ้อ...................พรรณนา
..................ลึกที่สุดเขียนมา.....................เกริ่นไว้
..................ความหลังเมื่อผ่านตา.............ย้อนอ่าน
..................หลังเหตุการณ์ผ่านไซร้ ..........อ่านแล้วสุขใจ