ปีนี้จะเริ่มพ้น...................ผ่านไป
ปีใหม่ตั้งใจไว้.................เข้มข้น
สุขทุกข์อยู่ที่ใจ...............ยึดมั่น
พ่อตรัสอย่ามากล้น..........มั่นไว้ พอเพียง
ปีเก่าหรือใหม่นั้น............ไม่ต่าง
รู้จักการปล่อยวาง...........อ่อนน้อม
เส้นลวดหกเส้นทาง........คงเล่น
มีมากน้อยต่างพร้อม........สุขได้ เหมือนกัน
iphone week39
8
comments |
This entry was posted on December 4, 2007
รู้ทั้งรู้ว่าสิ้นเปลือง
รู้ทั้งรู้การ hack ย่อมมีปัญหา
รู้ทั้งรู้ว่า feature มากมายคงไม่ได้ใช้มันอย่างคุ้มค่า
แต่ผมก็พ่ายแพ้ต่อกิเลสตัณหาในที่สุด
iphone ถือเป็น cellphone เครื่องเดีัยวที่สามารถดึงความสนใจ และ ดูดเงินในกระเป๋าที่เหนียวหนืดของผมออกไปได้
ผมถือว่า Apple ประสบความสำเร็จในการเปิดตัว iphone ออกสู public เพราะตั้งแต่ Steve job เปิดตัว iphone ตั้งแต่ปีที่แล้ว iphone ยังคงถูกพูดถึงและวิเคราะห์วิจารณ์กันโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน เรียกได้ว่า กระแสไม่ตก ไม่จางหายไป
เหตุผลเพียงข้อเดียวที่ iphone เอาชนะใจผมและเชื่อว่าอีกหลายคนทั่วโลก คือ Design
ผมแทบไม่ได้สนใจเลยว่า การใช้งานโทรศัพท์จะสะดวกหรือลำบากขึ้นแค่ไหน อย่างไร
เดิมทีผมตั้งใจจะรอเครื่องที่ส่งมาขายอย่างถูกต้องจาก Apple ซึ่งมีเพียงแค่ข่าวลือว่าจะเข้ามาขายในไทยอย่างเป็นทางการในไตรมาสที่ 2 ของปี 2008
แต่เพียงแค่ได้ทดลองระบบ touch screen และสัมผัสกับ Product Design ชิ้นนี้กับมือตัวเองไม่นานนักจากเครื่องของเพื่อน ผมก็ตัดสินใจได้ทันทีว่า ผมพร้อมที่จะ 'เสี่ยง'
เสียงกับการไม่มีประกันใดๆ
เสียงกับการ Unlock ด้วยตัวเอง
เสี่ยงกับปัญหาของการใช้งานจริง ซึ่งไม่สามารถรู้ได้ก่อนจนกว่าจะได้ใช้งานไปสักระยะหนึ่ง
เสี่ยงกับการมาถึงของเครื่องศูนย์และราคา
และ เสี่ยงกับปัญหา นานาประการ
หลัง Unlock ด้วย Canaval แล้วตามด้วย AnySim 1.1
iphone ก็หลุดพ้นจากพันธนาการของ AT&T
การใช้งานโทรศัพท์กับ DTAC ก็เป็นไปด้วยดี และดูเหมือนจะลงตัว แต่ด้วยความอยากรู้ อยากลอง
การลง Software จาก out source ที่ไม่ได้รับการรับรองจาก Apple ก็นำมาซึ่งอาการเครื่องค้าง ภาพล้ม ทำเอาใจหายใจคว่ำ และ หัวใจสูบฉีดรุนแรงเพิ่มความหวาดเสียวได้ดีไม่ใช่น้อย
1 week กับ iphone สำหรับผมคงยังบอกอะไร หรือ มั่นใจอะไรไม่ได้ในเรื่องของการใช้งานแบบจริงจัง แต่สำหรับเรื่องของความสุขใจสำหรับคนที่รัก Design แล้ว เกินคำว่า 'คุ้ม' ไปมากมาย
คำว่า 'Design' คงจะหาคำจำกัดความที่ชัดเจนและครอบคลุมได้ยาก เพราะ แต่ละคนก็มีมุมมองและความเข้าใจในเรื่องนี้ ต่างกัน และเพราะเหตุนี้นี่เองที่ทำให้เรื่องของ Design มีเสน่ห์น่าหลงใหลตลอดเวลา
ด้วยเหตุนี้กระมัง ที่ทำให้ผมต้องควักกระเป๋าซื้อความสุข
จากสิ่งที่ถูก Design ไว้อย่างปราณีต สวยงามชิ้นนี้
"Design is to design a design to produce a design"
John Heskett
รู้ทั้งรู้การ hack ย่อมมีปัญหา
รู้ทั้งรู้ว่า feature มากมายคงไม่ได้ใช้มันอย่างคุ้มค่า
แต่ผมก็พ่ายแพ้ต่อกิเลสตัณหาในที่สุด
iphone ถือเป็น cellphone เครื่องเดีัยวที่สามารถดึงความสนใจ และ ดูดเงินในกระเป๋าที่เหนียวหนืดของผมออกไปได้
ผมถือว่า Apple ประสบความสำเร็จในการเปิดตัว iphone ออกสู public เพราะตั้งแต่ Steve job เปิดตัว iphone ตั้งแต่ปีที่แล้ว iphone ยังคงถูกพูดถึงและวิเคราะห์วิจารณ์กันโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน เรียกได้ว่า กระแสไม่ตก ไม่จางหายไป
เหตุผลเพียงข้อเดียวที่ iphone เอาชนะใจผมและเชื่อว่าอีกหลายคนทั่วโลก คือ Design
ผมแทบไม่ได้สนใจเลยว่า การใช้งานโทรศัพท์จะสะดวกหรือลำบากขึ้นแค่ไหน อย่างไร
เดิมทีผมตั้งใจจะรอเครื่องที่ส่งมาขายอย่างถูกต้องจาก Apple ซึ่งมีเพียงแค่ข่าวลือว่าจะเข้ามาขายในไทยอย่างเป็นทางการในไตรมาสที่ 2 ของปี 2008
แต่เพียงแค่ได้ทดลองระบบ touch screen และสัมผัสกับ Product Design ชิ้นนี้กับมือตัวเองไม่นานนักจากเครื่องของเพื่อน ผมก็ตัดสินใจได้ทันทีว่า ผมพร้อมที่จะ 'เสี่ยง'
เสียงกับการไม่มีประกันใดๆ
เสียงกับการ Unlock ด้วยตัวเอง
เสี่ยงกับปัญหาของการใช้งานจริง ซึ่งไม่สามารถรู้ได้ก่อนจนกว่าจะได้ใช้งานไปสักระยะหนึ่ง
เสี่ยงกับการมาถึงของเครื่องศูนย์และราคา
และ เสี่ยงกับปัญหา นานาประการ
หลัง Unlock ด้วย Canaval แล้วตามด้วย AnySim 1.1
iphone ก็หลุดพ้นจากพันธนาการของ AT&T
การใช้งานโทรศัพท์กับ DTAC ก็เป็นไปด้วยดี และดูเหมือนจะลงตัว แต่ด้วยความอยากรู้ อยากลอง
การลง Software จาก out source ที่ไม่ได้รับการรับรองจาก Apple ก็นำมาซึ่งอาการเครื่องค้าง ภาพล้ม ทำเอาใจหายใจคว่ำ และ หัวใจสูบฉีดรุนแรงเพิ่มความหวาดเสียวได้ดีไม่ใช่น้อย
1 week กับ iphone สำหรับผมคงยังบอกอะไร หรือ มั่นใจอะไรไม่ได้ในเรื่องของการใช้งานแบบจริงจัง แต่สำหรับเรื่องของความสุขใจสำหรับคนที่รัก Design แล้ว เกินคำว่า 'คุ้ม' ไปมากมาย
คำว่า 'Design' คงจะหาคำจำกัดความที่ชัดเจนและครอบคลุมได้ยาก เพราะ แต่ละคนก็มีมุมมองและความเข้าใจในเรื่องนี้ ต่างกัน และเพราะเหตุนี้นี่เองที่ทำให้เรื่องของ Design มีเสน่ห์น่าหลงใหลตลอดเวลา
ด้วยเหตุนี้กระมัง ที่ทำให้ผมต้องควักกระเป๋าซื้อความสุข
จากสิ่งที่ถูก Design ไว้อย่างปราณีต สวยงามชิ้นนี้
"Design is to design a design to produce a design"
John Heskett
new printer
0
comments |
This entry was posted on November 27, 2007
Finally, I got a new printer for my home use after I keep patient and tiny for a long time.
Hope it's last long.
Hope it's last long.
Exjample (Fat Festival 7)
2
comments |
This entry was posted on November 13, 2007
Fat Festival 7 สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เต็มไปด้วยคนรุ่นใหม่ไฟแรง ที่รักในเสียงเพลง มารวมตัวกันเพื่อนำเสนอ แลกเปลี่ยน และเสพดนตรีกันอย่างเต็มอิ่มตลอดสองวันเต็ม
แต่นอกเหนือจากเรื่องของดนตรีแล้ว ภายในงานยังมีพื้นที่สำหรับงานศิลปะด้านอื่นๆอีกจำนวนมาก จัดแสดงควบคู่กันไปด้วย
Exjample คือหนึ่งในพื้นที่แสดงงานศิลปะ ที่ถูกจัดแสดงขึ้นในงาน Fat Festival 7 ด้วย
โดย theme ของ Exjample คือการรวบรวมเอางาน Vector Graphic มาขยายให้ใหญ่
เพื่อระลึกถึงความหลัง ในยุคสมัยที่ graphic design นั่งเขียนเส้น path ใน Adobe Illustrator กันอย่างสนุกสนาน
ผลงาน Vector ของ designers กว่า 60 ชีวิต จากทุกซอกมุมของประเทศไทย
จึงถูกนำมาขยายและรวบรวมไว้ในครั้งนี้
ผมเอง โชคดีที่ได้รับคำชวนจาก Wit Pim
แกนนำของ Duckguru ทีมนักออกแบบที่มีชื่อเสียง ให้ส่งงานเข้าไปร่วมสนุกด้วย
ผมเลือกที่จะนำเอา Symbol & Logo ที่เกี่ยวข้องกับ music + games มานำเสนอในรูปแบบที่เรียบง่าย
เพราะเห็นว่า Fat Festival เป็นงานเกี่ยวกับดนตรี และ มีการเล่น games สนุกๆกันในงาน
'Big scale changes everything'
คำบอกเล่าจาก Wit ส่งผลให้เห็นจริง เมื่องานทั้งหมดถูก print out ออกมาขนาดใหญ่กว่ามนุษย์
อีกหนึ่ง event สนุกๆที่ผมมีโอกาสไปร่วมสนุกด้วย
แต่นอกเหนือจากเรื่องของดนตรีแล้ว ภายในงานยังมีพื้นที่สำหรับงานศิลปะด้านอื่นๆอีกจำนวนมาก จัดแสดงควบคู่กันไปด้วย
Exjample คือหนึ่งในพื้นที่แสดงงานศิลปะ ที่ถูกจัดแสดงขึ้นในงาน Fat Festival 7 ด้วย
โดย theme ของ Exjample คือการรวบรวมเอางาน Vector Graphic มาขยายให้ใหญ่
เพื่อระลึกถึงความหลัง ในยุคสมัยที่ graphic design นั่งเขียนเส้น path ใน Adobe Illustrator กันอย่างสนุกสนาน
ผลงาน Vector ของ designers กว่า 60 ชีวิต จากทุกซอกมุมของประเทศไทย
จึงถูกนำมาขยายและรวบรวมไว้ในครั้งนี้
ผมเอง โชคดีที่ได้รับคำชวนจาก Wit Pim
แกนนำของ Duckguru ทีมนักออกแบบที่มีชื่อเสียง ให้ส่งงานเข้าไปร่วมสนุกด้วย
ผมเลือกที่จะนำเอา Symbol & Logo ที่เกี่ยวข้องกับ music + games มานำเสนอในรูปแบบที่เรียบง่าย
เพราะเห็นว่า Fat Festival เป็นงานเกี่ยวกับดนตรี และ มีการเล่น games สนุกๆกันในงาน
'Big scale changes everything'
คำบอกเล่าจาก Wit ส่งผลให้เห็นจริง เมื่องานทั้งหมดถูก print out ออกมาขนาดใหญ่กว่ามนุษย์
อีกหนึ่ง event สนุกๆที่ผมมีโอกาสไปร่วมสนุกด้วย
ลมหนาว
0
comments |
This entry was posted on November 1, 2007
ลมหนาวมา คราครั้งใด พาใจหวิว
ลมหนาวพริ้ว พัดใจร้อน ให้อ่อนหวาน
ลมหนาวเนื้่อ ได้ห่มเนื้อ ยิ้มแก้มบาน
ลมหนาวผ่าน ล่วงเลยไป ใจคนึง
ลมหนาวพริ้ว พัดใจร้อน ให้อ่อนหวาน
ลมหนาวเนื้่อ ได้ห่มเนื้อ ยิ้มแก้มบาน
ลมหนาวผ่าน ล่วงเลยไป ใจคนึง
4P (สี่ปอ - โป่ง ป๊อป ปอง เปิ๊ด)
1 comments |
This entry was posted on October 28, 2007
Oct 26 at Overtone RCA
เป็นคืนที่หนาแน่นไปด้วยคนไทยใจ rock
ที่มารวมตัวกันเพื่อเสพดนตรีจากนักดนตรีชั้นยอดรู้จักกันในนามของ 'The Sun'
แต่ครั้งนี้เปลี่ยนมือเบส และใช้ชื่อวงใหม่ว่า 4P (สี่ ปอ)
ซึ่งหมายถึง โป่ง ป๊อป ปอง เปิ๊ด
กับบทเพลงในตำนาน ที่ชาว rock ไทยรู้จักและร้องกันได้ดี
จาก Stone Metal Fire , The Sun, The Olarn Project
บทเพลงจากอัลบั้มอมตะในใจของใครและใครหลายคน
และเป็นอิทธิพลในการสร้างสรรดนตรีต่อคนอีกหลายคนจนถึงปัจจุบัน
ถูกนำมาบรรเลงกันต่อเนื่อง กระชากอารมณ์คนดูได้อย่างจัดจ้าน
ลีลาสบัดหัว ผมสยาย เสน่ห์ของเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์
ท่าขมวดและยักคิ้วทำตาทะเล้นและลีลาของบทสนทนาอันระริกซิกซี๊
จากนักร้องนำสานบรรยากาศได้อย่างสรวลเส
'เมากันหรือยังครับ....?'
'เมาหรือยังงงงง.......?'
'ผมจะได้รีบตามไป....ว่ะ ฮะ ฮ่า'
มันคือของเหลวสีทองไร้ชีวิต แต่นักการเมืองหรือคนกวาดถนนต่างก็ยอมรับว่ามันคือน้ำแห่งชีวิต
มันสร้างพลัง และเติมไฟรื่นเริงให้กับชีวิต และมันอ้าแขนที่มองไม่เห็น โอบกอดและพาเราไปสู่เชิงตะกอน
มือเบสในมุมมืด 'เปิ๊ด' ควบคุมจังหวะ ไว้ได้อย่างสวยงาม
มือกลองร้อยวง 'ปอง' ที่คงไม่ต้องการคำอธิบายอะไรอีกในเรื่องของฝีมือและประสบการณ์
ถือเป็นกระดูกสันหลังชั้นดีชิ้นโตให้กับวง
ผมกวาดสายตารอบเวทีอย่างเพลิดเพลิน แล้วหยุดสายตาลงที่ ไม้กัดสี แดงเลื่อมทอง
ปะหน้าด้วยพลาสติกลายมุขระยิบระยับ มันสะดุดตา แปลกตา น่าสนใจ
โดดเด่น โดยไม่ต้องเรียกร้อง
พลันเคลื่อนสายตาไปตามท่อนไม้โรสวู๊ด(rosewood) จับจ้อง ไล่ตาม ไปกับนิ้วทั้งสี่
อันกรีดกราย สลายความเงียบสงัด
เขาคือมือกีต้าร์ที่ทุกคนรู้จักกันดี ด้วยสำเนียงและชั้นเชิงที่ไม่เป็นรองใคร 'ป๊อป The Sun'
ท่วงทำนองดนตรีและเนื้อร้องที่กลั่นกรองมาจากชีวิต มันเปิดเผย จริงใจ และแต้มไว้ด้วยลีลาเย้ายวน
ดนตรีไทยสากลแห่งยุคปลาย 80s' - 90s'
ดนตรีไทยสากลที่คุณภาพไม่ด้อยไปกว่าเพลงสากล
นาทีต่อนาที เพลงต่อเพลง พริ้วไหว และร้อนเร่า
ส่งพลังสะกดคนฟังไว้อย่างไม่ยากเย็น
เหงื่อชุ่มในรูขุมขน สำลักออกตามผิวหนัง ของนักดนตรีทั้ง 4
มันถูกขับออกมาจากพลังงานภายใน
พลังงาน Rock...
พลังงานที่ส่งให้ทุกคนที่นั่น ค้นหาความสุขกันตามอัธยาศัย
ก่อนพักครึ่ง . . . ถ้อยคำเกริ่นนำชวนฟังถูกเอ่ยขึ้น . . .
'หลังจากเล่นเพลงต่อไปนี้จบ คงต้องพักครึ่ง
เพราะเพลงต่อไปที่จะเล่นนี้ เมื่อร้องแล้ว จะร้องเพลงอื่นต่อไปไม่ได้อีก เพลงนั้นมีชื่อว่า Rocker'
'Rocker' เพลงเร็วสุดมันส์ ด้วยเสียงกรีดร้องสูง ทรงพลัง
และเสียงต่ำที่คมชัดเจือเสียงแตกไว้อย่างไพเราะ ตรึงคนดูไว้อย่างชงัด
หลักพักครึ่งเวลา พวกเขากลับมาบรรเลงกันอีกครั้งด้วยเพลงช้าหวาน
อย่างเพลง 'ยอม' 'หลงกล' 'ดีที่สุดแล้ว' สลับกับเพลงเร็วอย่าง 'สู้' 'หวาดระแวง'
และ 'Vampire'
'ถูกเธอกัด เธอดูด เธอกัด เธอดูด...ดัง...จ๊วบ จ๊วบ'
'ผมขอเสียงของผู้หญิงนะครับ . . . จ๊วบ จ๊วบ . . . '
ลีลาและจังหวะหยอกเย้า ฉีกรอยยิ้มได้อย่างถ้วนทั่วของนักร้องนำยอดเยี่ยมตลอดกาลนาน
สร้างบรรยากาศให้สนุกสนานมากยิ่งขึ้น
หรือแม้กระทั่งเพลงสากลระดับตำนานของ Ozzy และ Jimi Hendrix
พวกเขาทั้ง 'สี่ปอ' ก็นำมาบรรเลงได้อย่างลื่นไหล ชวนติดตาม
ลมกลางคืนในฤดูหนาวที่ไม่หนาว พัดผ่าน อาบไล้ผิวหนังทั่วใบหน้าเคล้าแสงนวลจากดวงไฟ
หลังจบการแสดง เมื่อได้ลายเซ็นจากมือกีต้าร์คนโปรด ผมเดินจาก ความขวักไขว่นั้นมาอย่างเรื่อยเฉื่อย
เปี่ยมสุขไปด้วยเสียงดนตรีไทยสากลเลิศรส ที่คงจะหาฟังยากขึ้นทุกวัน
มันคือเสน่ห์และพลังขับเคลื่อนของวัยหนุ่มสาวในยุคที่ผมเติบโตขึ้น
ผมบันทึกความทรงจำนั้นไว้ในความเร้าใจและฮึกเหิม
ความรู้สึกเหมือนเวลาเดินผ่านไปอย่างรวดเร็วด้วยความเพลิดเพลิน
เปล่า! เวลายังคงเดินไปตามทางของมันอย่างคงที่ และราบรื่น
มันใกล้รุ่งอรุณที่รอตะวันฉายชัดขึ้น
มันคือรุ่งสางที่หลายคนกำลังจะตื่นขณะผมกำลังวางศรีษะลงที่หมอนใบเดิม
ในความเฉื่อยช้า อ่อนเพลีย ก่อนเปลือกตาจะปิดในคืนนั้น
มันแฝงไว้ด้วยความอึกทึก ครึกโครมของเสียงที่หนักหน่วงจากดนตรีแห่งยุค 90s'
Heavy Metal . . .
เป็นคืนที่หนาแน่นไปด้วยคนไทยใจ rock
ที่มารวมตัวกันเพื่อเสพดนตรีจากนักดนตรีชั้นยอดรู้จักกันในนามของ 'The Sun'
แต่ครั้งนี้เปลี่ยนมือเบส และใช้ชื่อวงใหม่ว่า 4P (สี่ ปอ)
ซึ่งหมายถึง โป่ง ป๊อป ปอง เปิ๊ด
กับบทเพลงในตำนาน ที่ชาว rock ไทยรู้จักและร้องกันได้ดี
จาก Stone Metal Fire , The Sun, The Olarn Project
บทเพลงจากอัลบั้มอมตะในใจของใครและใครหลายคน
และเป็นอิทธิพลในการสร้างสรรดนตรีต่อคนอีกหลายคนจนถึงปัจจุบัน
ถูกนำมาบรรเลงกันต่อเนื่อง กระชากอารมณ์คนดูได้อย่างจัดจ้าน
ลีลาสบัดหัว ผมสยาย เสน่ห์ของเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์
ท่าขมวดและยักคิ้วทำตาทะเล้นและลีลาของบทสนทนาอันระริกซิกซี๊
จากนักร้องนำสานบรรยากาศได้อย่างสรวลเส
'เมากันหรือยังครับ....?'
'เมาหรือยังงงงง.......?'
'ผมจะได้รีบตามไป....ว่ะ ฮะ ฮ่า'
มันคือของเหลวสีทองไร้ชีวิต แต่นักการเมืองหรือคนกวาดถนนต่างก็ยอมรับว่ามันคือน้ำแห่งชีวิต
มันสร้างพลัง และเติมไฟรื่นเริงให้กับชีวิต และมันอ้าแขนที่มองไม่เห็น โอบกอดและพาเราไปสู่เชิงตะกอน
มือเบสในมุมมืด 'เปิ๊ด' ควบคุมจังหวะ ไว้ได้อย่างสวยงาม
มือกลองร้อยวง 'ปอง' ที่คงไม่ต้องการคำอธิบายอะไรอีกในเรื่องของฝีมือและประสบการณ์
ถือเป็นกระดูกสันหลังชั้นดีชิ้นโตให้กับวง
ผมกวาดสายตารอบเวทีอย่างเพลิดเพลิน แล้วหยุดสายตาลงที่ ไม้กัดสี แดงเลื่อมทอง
ปะหน้าด้วยพลาสติกลายมุขระยิบระยับ มันสะดุดตา แปลกตา น่าสนใจ
โดดเด่น โดยไม่ต้องเรียกร้อง
พลันเคลื่อนสายตาไปตามท่อนไม้โรสวู๊ด(rosewood) จับจ้อง ไล่ตาม ไปกับนิ้วทั้งสี่
อันกรีดกราย สลายความเงียบสงัด
เขาคือมือกีต้าร์ที่ทุกคนรู้จักกันดี ด้วยสำเนียงและชั้นเชิงที่ไม่เป็นรองใคร 'ป๊อป The Sun'
ท่วงทำนองดนตรีและเนื้อร้องที่กลั่นกรองมาจากชีวิต มันเปิดเผย จริงใจ และแต้มไว้ด้วยลีลาเย้ายวน
ดนตรีไทยสากลแห่งยุคปลาย 80s' - 90s'
ดนตรีไทยสากลที่คุณภาพไม่ด้อยไปกว่าเพลงสากล
นาทีต่อนาที เพลงต่อเพลง พริ้วไหว และร้อนเร่า
ส่งพลังสะกดคนฟังไว้อย่างไม่ยากเย็น
เหงื่อชุ่มในรูขุมขน สำลักออกตามผิวหนัง ของนักดนตรีทั้ง 4
มันถูกขับออกมาจากพลังงานภายใน
พลังงาน Rock...
พลังงานที่ส่งให้ทุกคนที่นั่น ค้นหาความสุขกันตามอัธยาศัย
ก่อนพักครึ่ง . . . ถ้อยคำเกริ่นนำชวนฟังถูกเอ่ยขึ้น . . .
'หลังจากเล่นเพลงต่อไปนี้จบ คงต้องพักครึ่ง
เพราะเพลงต่อไปที่จะเล่นนี้ เมื่อร้องแล้ว จะร้องเพลงอื่นต่อไปไม่ได้อีก เพลงนั้นมีชื่อว่า Rocker'
'Rocker' เพลงเร็วสุดมันส์ ด้วยเสียงกรีดร้องสูง ทรงพลัง
และเสียงต่ำที่คมชัดเจือเสียงแตกไว้อย่างไพเราะ ตรึงคนดูไว้อย่างชงัด
หลักพักครึ่งเวลา พวกเขากลับมาบรรเลงกันอีกครั้งด้วยเพลงช้าหวาน
อย่างเพลง 'ยอม' 'หลงกล' 'ดีที่สุดแล้ว' สลับกับเพลงเร็วอย่าง 'สู้' 'หวาดระแวง'
และ 'Vampire'
'ถูกเธอกัด เธอดูด เธอกัด เธอดูด...ดัง...จ๊วบ จ๊วบ'
'ผมขอเสียงของผู้หญิงนะครับ . . . จ๊วบ จ๊วบ . . . '
ลีลาและจังหวะหยอกเย้า ฉีกรอยยิ้มได้อย่างถ้วนทั่วของนักร้องนำยอดเยี่ยมตลอดกาลนาน
สร้างบรรยากาศให้สนุกสนานมากยิ่งขึ้น
หรือแม้กระทั่งเพลงสากลระดับตำนานของ Ozzy และ Jimi Hendrix
พวกเขาทั้ง 'สี่ปอ' ก็นำมาบรรเลงได้อย่างลื่นไหล ชวนติดตาม
ลมกลางคืนในฤดูหนาวที่ไม่หนาว พัดผ่าน อาบไล้ผิวหนังทั่วใบหน้าเคล้าแสงนวลจากดวงไฟ
หลังจบการแสดง เมื่อได้ลายเซ็นจากมือกีต้าร์คนโปรด ผมเดินจาก ความขวักไขว่นั้นมาอย่างเรื่อยเฉื่อย
เปี่ยมสุขไปด้วยเสียงดนตรีไทยสากลเลิศรส ที่คงจะหาฟังยากขึ้นทุกวัน
มันคือเสน่ห์และพลังขับเคลื่อนของวัยหนุ่มสาวในยุคที่ผมเติบโตขึ้น
ผมบันทึกความทรงจำนั้นไว้ในความเร้าใจและฮึกเหิม
ความรู้สึกเหมือนเวลาเดินผ่านไปอย่างรวดเร็วด้วยความเพลิดเพลิน
เปล่า! เวลายังคงเดินไปตามทางของมันอย่างคงที่ และราบรื่น
มันใกล้รุ่งอรุณที่รอตะวันฉายชัดขึ้น
มันคือรุ่งสางที่หลายคนกำลังจะตื่นขณะผมกำลังวางศรีษะลงที่หมอนใบเดิม
ในความเฉื่อยช้า อ่อนเพลีย ก่อนเปลือกตาจะปิดในคืนนั้น
มันแฝงไว้ด้วยความอึกทึก ครึกโครมของเสียงที่หนักหน่วงจากดนตรีแห่งยุค 90s'
Heavy Metal . . .
Pro Jam
4
comments |
This entry was posted on October 14, 2007
4 ทุ่มถึงตีสองคืนที่ผ่านมา ผมผ่านเวลาชีวิตของผมที่ Overtone
สถานเสพดนตรีชั้นเยี่ยมบนถนน RCA
13 ตุลา กับ Pro Jam ซึ่งประกอบไปด้วยนักดนตรีฝีมือดีที่เป็นที่รู้จักกว้างขวาง
พี่โอม พี่ป๊อป พี่ปราชญ์ พี่กบ และ พี่อู๊ด
150 บาทสำหรับ 1 drink และเป็นค่า cover charge
สำหรับการเข้าชม Pro Jam ถือว่าไม่แพงเลย สำหรับการได้เสพดนตรีอย่างใกล้ชิด และเป็นกันเองแบบนี้
แถมยังได้ CD Single "friends" ของพี่โอม ติดมือกลับมาด้วยพร้อมลายเซ็น
ก็นับว่าเป็นการผ่านเวลาชีวิตที่คุ้มค่าทีเดียว
ผมไม่ได้กลับบ้านดึกขนาดนี้มานานแล้วจริงๆ . . .
สถานเสพดนตรีชั้นเยี่ยมบนถนน RCA
13 ตุลา กับ Pro Jam ซึ่งประกอบไปด้วยนักดนตรีฝีมือดีที่เป็นที่รู้จักกว้างขวาง
พี่โอม พี่ป๊อป พี่ปราชญ์ พี่กบ และ พี่อู๊ด
150 บาทสำหรับ 1 drink และเป็นค่า cover charge
สำหรับการเข้าชม Pro Jam ถือว่าไม่แพงเลย สำหรับการได้เสพดนตรีอย่างใกล้ชิด และเป็นกันเองแบบนี้
แถมยังได้ CD Single "friends" ของพี่โอม ติดมือกลับมาด้วยพร้อมลายเซ็น
ก็นับว่าเป็นการผ่านเวลาชีวิตที่คุ้มค่าทีเดียว
ผมไม่ได้กลับบ้านดึกขนาดนี้มานานแล้วจริงๆ . . .
Stone Metal Fire (หิน เหล็ก ไฟ)
0
comments |
This entry was posted on October 1, 2007
หินทนทาน อัดแน่นอุด ดุจภูผา
เหล็กแกร่งกล้า ท้าพายุ ไม่ผุหมอง
ไฟเร่าร้อน พริ้วไหวอ่อน ซ่อนทำนอง
แสงเรืองรอง สาดส่อง สุดฟ้าไกล
นักดนตรี ห้าชีวิต ติดตามฝัน
รวมตัวกัน ร่วมสรรสร้าง อย่างใจหมาย
เหล็กแกร่งกล้า ท้าพายุ ไม่ผุหมอง
ไฟเร่าร้อน พริ้วไหวอ่อน ซ่อนทำนอง
แสงเรืองรอง สาดส่อง สุดฟ้าไกล
นักดนตรี ห้าชีวิต ติดตามฝัน
รวมตัวกัน ร่วมสรรสร้าง อย่างใจหมาย
ก่อกำเนิด ดนตรีเข้ม เต็มลวดลาย
หินเหล็กไฟ มั่นหมายไว้ ใช้เรียกวง
หินเหล็กไฟ มั่นหมายไว้ ใช้เรียกวง
ชุดที่หนึ่ง ผงาดบิน 'หิน เหล็ก ไฟ'
นางแมวร้าย ร่ายสวาท ทาสลุ่มหลง
นางแมวร้าย ร่ายสวาท ทาสลุ่มหลง
'ยอม''เพื่อเธอ' 'พลังรัก' ปักใจตรง
ร้อยบรรจง เป็นเพลงสวย ด้วยหัวใจ
ร้อยบรรจง เป็นเพลงสวย ด้วยหัวใจ
ชุดที่สอง มองตัวตน คนยุคเหล็ก
ถ้อยคำเอก ปฐมพงศ์ ดำรงค์ไว้
จักรรินทร์ นำพล คนกรีดสาย
นรงค์ได้ ไว้ลายเบส เลสเตอร์กลอง
จักรรินทร์ นำพล คนกรีดสาย
นรงค์ได้ ไว้ลายเบส เลสเตอร์กลอง
'หวาดระแวง' 'หลงกล' 'คนธรรมดา'
จังหวะกล้า ลีลาดี มิมัวหมอง
'คิดไปเอง' 'มั่วนิ่ม' อิ่มทำนอง
ประกาศก้อง ฝีมือเด่น เป็นเพลงไทย
ดนตรีหนัก จังหวะแน่น เป็นแก่นสาร
พลังงาน ถูกปลดปล่อย ร้อยความหมาย
จังหวะกล้า ลีลาดี มิมัวหมอง
'คิดไปเอง' 'มั่วนิ่ม' อิ่มทำนอง
ประกาศก้อง ฝีมือเด่น เป็นเพลงไทย
ดนตรีหนัก จังหวะแน่น เป็นแก่นสาร
พลังงาน ถูกปลดปล่อย ร้อยความหมาย
ยามโอนอ่อน ร้อนรุ่ม นุ่มสบาย
เรียบเรียงได้ จังหวะดี มีลีลา
เรียบเรียงได้ จังหวะดี มีลีลา
ชุดที่สาม ใช้ชื่อเท่ห์ Never Say Die
ยังเฉิดฉาย จรัสแสง แข็งแกร่งกล้า
เพลงช้าสวย ด้วย'ศรัทธา' และ'สัญญา'
'สิบปากว่า' ย้ำอารมณ์ สมฤทัย
ยังเฉิดฉาย จรัสแสง แข็งแกร่งกล้า
เพลงช้าสวย ด้วย'ศรัทธา' และ'สัญญา'
'สิบปากว่า' ย้ำอารมณ์ สมฤทัย
เพลงเร็ว'ลุย' และ 'คอทั่งสันหลังเหล็ก'
ร้อยเรียงเสก รวดเร็วร้อน ไม่อ่อนไหว
ร้อยเรียงเสก รวดเร็วร้อน ไม่อ่อนไหว
แกร่งดังหิน แข็งดังเหล็ก ร้อนดั่งไฟ
กระชากใจ ได้ทุกครา เวลาฟัง
เพลงสุดมันส์ เพลง'วันที่ยิ่งใหญ่'
ก่อนจะสาย โอกาสมี ชี้ความหวัง
ทำให้ดี กล้าพิสูจน์ สุดกำลัง
เสริมพลัง ไม่ท้อแท้ พ่ายแพ้ภัย
กระชากใจ ได้ทุกครา เวลาฟัง
เพลงสุดมันส์ เพลง'วันที่ยิ่งใหญ่'
ก่อนจะสาย โอกาสมี ชี้ความหวัง
ทำให้ดี กล้าพิสูจน์ สุดกำลัง
เสริมพลัง ไม่ท้อแท้ พ่ายแพ้ภัย
ชุดที่สี่ Acoustique ฉีกแนวออก
ปอกเปลือกลอก เห็นเนื้อแน่น แก่นกลางใส
นำเพลงเก่า สิบเอ็ดเพลง บรรเลงใหม่
ดำรงค์ไว้ ความไพเราะ เสนาะคม
นำเพลงเก่า สิบเอ็ดเพลง บรรเลงใหม่
ดำรงค์ไว้ ความไพเราะ เสนาะคม
เพิ่มสองเพลง เพลง 'อภัย' และ 'ดีดี'
เสริมชุดนี้ ให้ควรค่า น่าสะสม
ดีวีดี วีซีดี มีให้ชม
ให้รื่นรมย์ คมมาดเข้ม เปรมปรีดา
ดนตรีร็อค ระบือนาม งามสะคราญ
สอดประสาน ประสิทธิ์ไว้ ให้ศึกษา
หินเหล็กไฟ ประทับใจ เสมอมา
ก้าวที่กล้า น่าจดจำ ตำนานไทย
เสริมชุดนี้ ให้ควรค่า น่าสะสม
ดีวีดี วีซีดี มีให้ชม
ให้รื่นรมย์ คมมาดเข้ม เปรมปรีดา
ดนตรีร็อค ระบือนาม งามสะคราญ
สอดประสาน ประสิทธิ์ไว้ ให้ศึกษา
หินเหล็กไฟ ประทับใจ เสมอมา
ก้าวที่กล้า น่าจดจำ ตำนานไทย
The Sun - อาทิตย์สามสี
1 comments |
This entry was posted on September 29, 2007
เมื่อถนน พระอาทิตย์ ครบสามสี
ความยินดี ปรีดา มาบรรจบ
กว่าจะตาม ถามเก็บได้ ให้ถ้วนครบ
ต้องประสบ ความลำบาก ยากหนักหนา
สีทองแดง สีทอง และสีเงิน
คราก่อนเมิน ผ่านไป ไม่เห็นค่า
เวลาผ่าน หาได้ยาก มากราคา
คิดตามหา ไม่ง่ายดาย ดังหมายปอง
ทั้งสามแผ่น คือถนน พระอาทิตย์
หลายท่านคิด ซื้อทำไม ปวดสมอง
ซื้อแผ่นเต็ม เอ็มพีสาม ตามครรลอง
แต่ผมหมาย ครองแผ่นแท้ แน่นอนเอย
ความยินดี ปรีดา มาบรรจบ
กว่าจะตาม ถามเก็บได้ ให้ถ้วนครบ
ต้องประสบ ความลำบาก ยากหนักหนา
สีทองแดง สีทอง และสีเงิน
คราก่อนเมิน ผ่านไป ไม่เห็นค่า
เวลาผ่าน หาได้ยาก มากราคา
คิดตามหา ไม่ง่ายดาย ดังหมายปอง
ทั้งสามแผ่น คือถนน พระอาทิตย์
หลายท่านคิด ซื้อทำไม ปวดสมอง
ซื้อแผ่นเต็ม เอ็มพีสาม ตามครรลอง
แต่ผมหมาย ครองแผ่นแท้ แน่นอนเอย
The Sun
0
comments |
This entry was posted on September 27, 2007
พระอาทิตย์ อาจอง ทรงพลัง
ให้มนุษย์ อยู่ยั้ง ยังชีพได้
ให้แสงแดด ให้พลัง ที่มากมาย
ให้อบอุ่น ให้ร่างกาย ได้ยืนยง
สี่คนร็อค ชาวไทยใช้ 'เดอะซัน'
เสกสร้างสรร ดนตรีสวย ด้วยประสงค์
ยกระดับ ไทยสากล ให้ดำรงค์
รวมเป็นวง เมทัลไทย ไว้จำเนียร
ชุดแรกสุด ก่อกำเนิด เกิด'เดอะซัน'
เพลงสุดมันส์ ปฐมพงศ์ บรรจงเขียน
จักรรินทร์ ดีดกีต้าร์ ระดับเซียน
พิทักษ์เนียน เลสเตอร์นุ่ม ลุ่มลึกกลอง
ชุดที่สอง 'เสือ สิงห์ กระทิง แรด'
ดุจเปลวแดด สาดแสง อาทิตย์ส่อง
เสียงกีต้าร์ เสียงร้อง เสียงเบสกลอง
สร้างทำนอง พริ้วไหว ไม่เปลี่ยนแปลง
ดีดกีต้าร์ ได้สำเนียง เสียงไพเราะ
กลุ่มโน๊ตเกาะ กอดกวัด สะบัดแสง
รักดูดดื่ม เสียวกระเส่า เร่าร้อนแรง
ถูกแสดง ผ่านคำร้อง พ้องสวยงาม
เพลงช้าหวาน สานอารมณ์ ได้กลมกล่อม
ครบถ้วนพร้อม แทรกคำสอน ป้อนคำถาม
เพลงเร็วเสริม เติมติด ให้คิดตาม
สิ่งเลวทราม สิ่งดีงาม ความสัมพันธ์
ชุดที่สามนาม 'ถนนพระอาทิตย์'
กลั่นความคิด สู่บทเพลง บรรเลงฝัน
'รัสปูติน' 'ดีที่สุดแล้ว' 'เฮ้ว'สุดมันส์
ส่ง 'เดอะซัน' ขึ้นทำเนียบ เทียบสากล
บ้างหยอกเย้า บ้างเศร้าโศก บ้างโยกหัว
กระหน่ำรัว กลองสนั่น เบสสนอง
กีต้าร์ดีด กรีดอารมณ์ สมทำนอง
เด่นเสียงร้อง เปี่ยมกำลัง ดังกังวาล
ประวัติศาสตร์ เพลงไทย ได้จารึก
ขยันฝึก ขยันซ้อม เป็นรากฐาน
เกิดฝีมือ เกิดบทเพลง เกิดตำนาน
ให้ลูกหลาน ได้สืบทอด ตลอดไป
ให้มนุษย์ อยู่ยั้ง ยังชีพได้
ให้แสงแดด ให้พลัง ที่มากมาย
ให้อบอุ่น ให้ร่างกาย ได้ยืนยง
สี่คนร็อค ชาวไทยใช้ 'เดอะซัน'
เสกสร้างสรร ดนตรีสวย ด้วยประสงค์
ยกระดับ ไทยสากล ให้ดำรงค์
รวมเป็นวง เมทัลไทย ไว้จำเนียร
ชุดแรกสุด ก่อกำเนิด เกิด'เดอะซัน'
เพลงสุดมันส์ ปฐมพงศ์ บรรจงเขียน
จักรรินทร์ ดีดกีต้าร์ ระดับเซียน
พิทักษ์เนียน เลสเตอร์นุ่ม ลุ่มลึกกลอง
ชุดที่สอง 'เสือ สิงห์ กระทิง แรด'
ดุจเปลวแดด สาดแสง อาทิตย์ส่อง
เสียงกีต้าร์ เสียงร้อง เสียงเบสกลอง
สร้างทำนอง พริ้วไหว ไม่เปลี่ยนแปลง
ดีดกีต้าร์ ได้สำเนียง เสียงไพเราะ
กลุ่มโน๊ตเกาะ กอดกวัด สะบัดแสง
รักดูดดื่ม เสียวกระเส่า เร่าร้อนแรง
ถูกแสดง ผ่านคำร้อง พ้องสวยงาม
เพลงช้าหวาน สานอารมณ์ ได้กลมกล่อม
ครบถ้วนพร้อม แทรกคำสอน ป้อนคำถาม
เพลงเร็วเสริม เติมติด ให้คิดตาม
สิ่งเลวทราม สิ่งดีงาม ความสัมพันธ์
ชุดที่สามนาม 'ถนนพระอาทิตย์'
กลั่นความคิด สู่บทเพลง บรรเลงฝัน
'รัสปูติน' 'ดีที่สุดแล้ว' 'เฮ้ว'สุดมันส์
ส่ง 'เดอะซัน' ขึ้นทำเนียบ เทียบสากล
บ้างหยอกเย้า บ้างเศร้าโศก บ้างโยกหัว
กระหน่ำรัว กลองสนั่น เบสสนอง
กีต้าร์ดีด กรีดอารมณ์ สมทำนอง
เด่นเสียงร้อง เปี่ยมกำลัง ดังกังวาล
ประวัติศาสตร์ เพลงไทย ได้จารึก
ขยันฝึก ขยันซ้อม เป็นรากฐาน
เกิดฝีมือ เกิดบทเพลง เกิดตำนาน
ให้ลูกหลาน ได้สืบทอด ตลอดไป
อาม่า
5
comments |
This entry was posted on September 15, 2007
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในยามเช้า
ยกโทรศัพท์ขึ้นดูก็พบว่าเป็นสายจากน้องสาว พร้อมๆกับข่าวร้าย
อาม่าจากผมไปแล้วอย่างไม่มีวันกลับมา . . .
ทำไมชีวิตช่างโหดร้าย?
ทำไม อาม่าจากไปอย่างไม่มีโอกาสร่ำลา?
อาม่า ผู้ซึ่งใช้เวลาเกือบครึ่งชีวิต ทำบุญกุศล สวดมนต์ และเข้าวัด ต้องจากไปอย่างน่าใจหาย?
ผมและญาติพี่น้องต่างโศกเศร้ากับการตายของอาม่า
แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง การมีชีวิตอยู่อาจเป็นเรื่องที่น่าเศร้ากว่า
95ปีบนโลกใบนี้ของอาม่าได้สร้างชีวิตและความสุขกับตระกูล 'โอเจริญ'
ไว้มากมาย
ช่วงระยะเวลาสุดท้ายก่อนจากไป อาม่า ผู้ซึ่งไม่เคยเป็นโรคร้ายแรงใดๆ
เมื่อถึงเวลาโรยรา ก็โรยลงอย่างรวดเร็วด้วยอาการเส้นเลือดในสมองตีบและอัมพาต
อาม่า ไม่มีโอกาสได้พูดอีก หลังการรักษาอย่างใกล้ชิด
หลายเดือนในโรงพยาบาล อาม่าได้ต่อสู้กับโรคร้ายและวัยชราอย่างเงียบๆ
สิ่งที่อาม่าทำได้มีเพียงการจับมือ บีบมือ นับลูกประคำ และขยับตามอง
ผมเชื่อว่า โซ้ยเจ็ก หมอทางสมอง ลูกของอาม่าได้ดูแลอาม่าอย่างดีที่สุดแล้ว
และวันนี้...คงเป็นวันที่ผมและทุกๆคนต้องจากลากับอาม่าตามลิขิตเบื้องบน
ผมกลัว 'ความตาย'
ผมไม่ชอบมัน เพราะจินตนาการไปไม่ถึง
ผมกลัวมันเพราะไม่เคยรู้ และไม่มีโอกาสไปถึงจนกว่าจะ'ตาย'
ยิ่งไม่รู้ ก็ยิ่งกลัว แม้ว่าจะถูกสอนมาตั้งแต่เด็กว่า มันเป็นวงจรหนึ่งของธรรมชาติ
ผมไปถึงโรงพยาบาลหลังเที่ยงวัน และทำได้เพียงเข้ากอดร่างที่ไร้ชีวิตของอาม่าในห้องเก็บศพ
ผมพยายามจะคิดว่า 'ความตาย' เป็นการเปลี่ยนแปลงอีกบทหนึ่งของชีวิตที่ทุกคนต้องผ่าน
ไม่ว่าจะใช้ชีวิตในรูปแบบไหนมา สุดท้ายก็หนี 'ความตาย' ไม่พ้นเหมือนๆกัน
ชีวิต ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว และความตายมีอยู่เพื่อให้เราได้ตั้งสติ เตือนสติให้เราได้ใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดีที่สุด
เพราะเราไม่รู้ว่า 'ความตาย' ของเราจะมาถึงเมื่อไหร่
แม้จะทำใจให้คิดได้ยากมากถึงมากที่สุด แต่ผมก็ต้องทำให้ได้ และต้องผ่านช่วงเวลาที่โหดร้ายนี้ไปให้ได้
รักอาม่ามากมากครับ . . . ผมเชื่อว่า อาม่า คงไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก
ผมจะตั้งใจทำความดี เพื่อที่จะได้ขึ้นไปพบกับอาม่าข้างบนนั้น
เมื่อถึงเวลาของผม . . .
ยกโทรศัพท์ขึ้นดูก็พบว่าเป็นสายจากน้องสาว พร้อมๆกับข่าวร้าย
อาม่าจากผมไปแล้วอย่างไม่มีวันกลับมา . . .
ทำไมชีวิตช่างโหดร้าย?
ทำไม อาม่าจากไปอย่างไม่มีโอกาสร่ำลา?
อาม่า ผู้ซึ่งใช้เวลาเกือบครึ่งชีวิต ทำบุญกุศล สวดมนต์ และเข้าวัด ต้องจากไปอย่างน่าใจหาย?
ผมและญาติพี่น้องต่างโศกเศร้ากับการตายของอาม่า
แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง การมีชีวิตอยู่อาจเป็นเรื่องที่น่าเศร้ากว่า
95ปีบนโลกใบนี้ของอาม่าได้สร้างชีวิตและความสุขกับตระกูล 'โอเจริญ'
ไว้มากมาย
ช่วงระยะเวลาสุดท้ายก่อนจากไป อาม่า ผู้ซึ่งไม่เคยเป็นโรคร้ายแรงใดๆ
เมื่อถึงเวลาโรยรา ก็โรยลงอย่างรวดเร็วด้วยอาการเส้นเลือดในสมองตีบและอัมพาต
อาม่า ไม่มีโอกาสได้พูดอีก หลังการรักษาอย่างใกล้ชิด
หลายเดือนในโรงพยาบาล อาม่าได้ต่อสู้กับโรคร้ายและวัยชราอย่างเงียบๆ
สิ่งที่อาม่าทำได้มีเพียงการจับมือ บีบมือ นับลูกประคำ และขยับตามอง
ผมเชื่อว่า โซ้ยเจ็ก หมอทางสมอง ลูกของอาม่าได้ดูแลอาม่าอย่างดีที่สุดแล้ว
และวันนี้...คงเป็นวันที่ผมและทุกๆคนต้องจากลากับอาม่าตามลิขิตเบื้องบน
ผมกลัว 'ความตาย'
ผมไม่ชอบมัน เพราะจินตนาการไปไม่ถึง
ผมกลัวมันเพราะไม่เคยรู้ และไม่มีโอกาสไปถึงจนกว่าจะ'ตาย'
ยิ่งไม่รู้ ก็ยิ่งกลัว แม้ว่าจะถูกสอนมาตั้งแต่เด็กว่า มันเป็นวงจรหนึ่งของธรรมชาติ
ผมไปถึงโรงพยาบาลหลังเที่ยงวัน และทำได้เพียงเข้ากอดร่างที่ไร้ชีวิตของอาม่าในห้องเก็บศพ
ผมพยายามจะคิดว่า 'ความตาย' เป็นการเปลี่ยนแปลงอีกบทหนึ่งของชีวิตที่ทุกคนต้องผ่าน
ไม่ว่าจะใช้ชีวิตในรูปแบบไหนมา สุดท้ายก็หนี 'ความตาย' ไม่พ้นเหมือนๆกัน
ชีวิต ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว และความตายมีอยู่เพื่อให้เราได้ตั้งสติ เตือนสติให้เราได้ใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดีที่สุด
เพราะเราไม่รู้ว่า 'ความตาย' ของเราจะมาถึงเมื่อไหร่
แม้จะทำใจให้คิดได้ยากมากถึงมากที่สุด แต่ผมก็ต้องทำให้ได้ และต้องผ่านช่วงเวลาที่โหดร้ายนี้ไปให้ได้
รักอาม่ามากมากครับ . . . ผมเชื่อว่า อาม่า คงไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก
ผมจะตั้งใจทำความดี เพื่อที่จะได้ขึ้นไปพบกับอาม่าข้างบนนั้น
เมื่อถึงเวลาของผม . . .
แด่เธอ
8
comments |
This entry was posted on August 24, 2007
ครั้งนี้ . . .
เสียงดนตรีที่นำผมและคุณมาพบกัน เสียงดนตรีที่จะพาเราเข้าสู่โลกของความสวยงาม พริ้วไหว ทำลายความก้องสงัดและความน่าอึดอัดของความเงียบลง
เสียงดนตรีที่ใช้คำสั้นสั้นเพียงคำเดียวที่นิยามดนตรีรูปแบบนี้ ดนตรีที่ไพเราะ ฟังง่าย เข้าถึงและเข้าใจได้ง่าย - pop - . . . เพียงแค่คุณวางแผ่น CD แผ่นนี้ลงบนถาด เมื่อมันเลื่อนกลับสู่เครื่องและทันทีที่โน๊ตตัวแรกกังวานขึ้น ผ่านโสตประสาทของคุณพลันอารมณ์แห่งความสุข หม่นเศร้า อ้างว้าง หรือเริงร่า จะปรากฏฉายชัดขึ้นตามจินตนาการพร้อมเสียงดนตรี
ผมเคยได้ยินคุณพูดว่า คุณสนใจดนตรี คุณชอบฟังเพลง คงไม่แปลกหรอกหากจะมีสักวันหนึ่งหรือสัปดาห์หนึ่ง ที่คุณจะรู้สึกเคว้งคว้างไม่รู้จะฟังเพลงอะไรดี ด้วยอารมณ์ที่ต้องการเปลี่ยนบรรยากาศของการฟังเพลงที่แตกต่างจากที่เคยฟังเข้ามารบเร้า
บางครั้งคุณอาจจะจดจำจากโฆษณาทางวิทยุหรือโทรทัศน์ บางครั้งคุณอาจจะอ่านจากหนังสือในคอลัมน์แนะนำเพลงใหม่ บางครั้งคุณอาจจะสุ่มเลือกเอาจากหน้าปกที่ออกแบบได้สะดุดตา แต่ครั้งนี้ คุณเอ่ยถามผม....
"มีเพลงอะไรน่าสนใจแนะนำบ้างไหม?"
ผมนั่งอยู่ริมบ่อน้ำข้างสนามฟุตบอล ม้าหินทางยาวข้างตึกเรียน ใต้ต้นไม้ร่มครึ้ม อากาศกำลังเย็นสบาย เพื่อนคนอื่นๆยังคงสนุกสนานกับการเล่นฟุตบอล ขณะที่ผมปลีกมานั่งเล่นกีต้าร์โปร่งตัวเก่าที่นี่ ผมชอบพื้นที่มุมนี้ ภายใต้ร่มเงาธรรมชาติ กลิ่นของดิน และสัมผัสของไอน้ำจากบ่อดินที่นี่ สามารถตรึงผมให้นั่งอยู่ที่นี่ได้คนเดียวเป็นเวลานาน
"อยากลองฟังเพลงแบบอื่นๆบ้างน่ะค่ะ"
"อยากลองฟังเพลงแบบอื่นๆบ้างน่ะค่ะ"
เสียงคำถามนั้นทำให้ผมต้องหยุดเล่นแล้วหันไปสบตาคุณ . . .
น้ำเสียงที่เอ่ยถามมาที่แม้หลับตาผมก็รู้ว่าเป็นเสียงของคุณ เสียงนั้นช่างอ่อนหวานน่าฟัง น่าหลงใหล ผมไม่รู้ว่าคุณเดินผ่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่คำถามของคุณทำให้ผมได้สบตากับคุณเป็นเวลานาน โดยไม่ต้องเลี่ยงหลบเหมือนทุกครั้ง ผมคุณตรงยาวถึงกลางหลัง เสียงที่อ่อนโยน และ ดวงตากลมโตบนใบหน้าที่ปราศจากสารเคมีสำหรับแต่งแต้มให้สีสรรคู่นั้น ช่างมีพลังอำนาจสะกดจิตใจผมได้อย่างชงัด
"แด่เธอ ผู้เป็นดั่งดอกไม้ ส่งกลิ่นหอมละไม เหมือนอยู่ในฝัน ...."
ผมเริ่มต้นตอบคำถามของคุณด้วยประโยคแรก จากเพลงแรก ในอัลบั้มแรก ของ Autobahn
"Autobahn ครับ . . . อัลบั้มชุดแรกที่มีชื่อเดียวกับวง น่าจะเป็นอัลบั้มที่คุณน่าจะลองฟัง น่าจะเหมาะที่สุดสำหรับการเปลี่ยนบรรยากาศการฟังเพลงของคุณ"
คุณไม่ตอบอะไร แต่รับฟังและรอคอยคำอธิบายต่อ....
"Autobahn แม้ไม่ใช่อัลบั้มที่ขายดีที่สุด หรือ มีชื่อเสียงที่สุด แต่เพลงเปิดตัวของวงที่ชื่อ "แด่เธอ" ก็หวาน ละมุนละไม เพียงพอที่จะเรียกความสนใจของผมจากดนตรี rock ที่กำลังเป็นที่นิยมของใครและใครหลายคนในวันนี้"
จริงอยู่ครับว่าอาจจะมีอัลบั้มอื่นๆที่ได้รับคำชมและมียอดขายมากมาย หรือมีสมาชิกที่มีรูปร่างหน้าตาดี น่ามอง น่าสนใจ กำลังเป็นที่จับตามอง ในขณะที่ autobahn เป็นใครมาจากไหน ผมเองก็ไม่เคยรู้มาก่อน
สมาชิกทั้ง 4 ของ Autobahn ประกอบด้วย....
อัธพันธ์ มกรานนท์ : Guitars & Vocals
สมโชค เล้าเปี่ยมทอง : Bass
โชติชู พึ่งอุดม : Keyboards & Vocals
ธรรมนูญ หะยีสาและ : Drums & Percussion
แม้ว่าจะไม่เคยได้ยินชื่อเหล่านี้มาก่อน แต่จากเพลงเปิดตัวที่ชื่อ "แด่เธอ" และชื่อของ Producer อย่าง จิรพรรณ อังศวานนท์ และ Assistant Producer อย่าง เพชร มาร์ ก็ทำให้ผมเลือกซื้ออัลบั้มนี้มาอย่างไม่ลังเลใจ หากคุณไม่แน่ใจว่าเขาคือใคร . . . ผมอยากจะบอกคุณว่า จิรพรรณ อังศวานนท์ คือหนึ่งในผีเสื้อดนตรีปีกสวยที่เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับมานานนับสิบปี
ดนตรีของ butterfly ในยุคสมัยนั้น มีความโดนเด่นและแตกต่าง อัลบั้มของ butterfly ต้องใช้ความกล้าหาญของผู้นำเสนอและฝากความหวังไว้กับการเปิดใจกว้างของผู้ฟัง แต่เมื่อกาลเวลาผ่าน butterfly ก็ได้พิสูจน์ว่าพวกเขาทำสำเร็จ จิรพรรณ อังศวานนท์ โดดเด่นด้วยฝีมือดนตรีและเป็นที่ยอมรับในงานประพันธ์เพลงไม่ด้อยกว่าผีเสื้อตัวอื่นๆ เมื่อมาทำหน้าที่ Producer ให้กับ Autobahn ก็ทำให้ผมมีความเชื่อว่า ดนตรีของ Autobahn ต้องมีอะไรที่น่าสนใจ
Autobahn เป็นวงดนตรีคุณภาพฝีมือคนไทยที่ผมอยากจะแนะนำให้คุณได้ลองฟัง ดนตรีของพวกเขาผสมผสาน jazz และ pop เข้าด้วยกันอย่างมีเสน่ห์ ลงตัว ด้วยเสียงร้องที่มีเอกลักษณ์ เสียงguitarและpiano ที่สอดประสานกลมกลืนกันอย่างสวยงาม
เพลง pop ? คุณทำหน้าเหมือนกับผิดหวังในคำตอบที่ได้ยิน อาจเป็นเพราะคุณกำลังนึกถึงเพลง pop ทั่วๆไปในตลาดดนตรีที่ถูกบริษัทใหญ่ส่งอิทธิพลครอบคลุมทั้งด้านรูปแบบการแต่งเพลงและการตลาดคุณอยากได้ยิน ได้ฟังอะไรที่แตกต่างออกไปบ้าง สายตาคุณบอกกับผมอย่างนั้น
แต่ผมอยากกระซิบบอกคุณอย่างแผ่วเบาว่า Autobahn มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและรายละเอียดของดนตรีที่น่าฟังกว่าเพลง pop ทั่วๆไปที่คุณเคยฟังตามสถานีวิทยุ
แด่เธอ.....เพลงแรกที่เปิดตัว Autobahn เป็นเพลงช้าที่หวานละมุน กลมกล่อม แฝงไว้ด้วยความเหงาที่สวยงาม เสียงดนตรีที่มีความเป็น pop ชัดเจน กับเสียงร้องนุ่มหูของ โชติชู พึ่งอุดม (ป้อม) ที่ฟังกี่ทีผมต้องหลับตาพริ้ม แล้วล่องลอยไปกับจินตนาการ ผมอยากให้คุณลองฟังเพลงนี้ดูครับ ผมเชื่อว่ามันน่าจะเปลี่ยนบรรยากาศให้คุณได้
ทนได้ทนไป เพลงช้าลำดับที่สองที่ตามมาสร้างความประทับใจ และชนะใจผมได้อย่างไม่ยากเย็น
กับคำร้องสวยงามที่เขียนโดย ฉัตรชัย ดุริยประณีต (นก เฉลียง) ทำนองโดย มือเบสของ The Innocent, เสนีย์ ฉัตรวิชัย (ปื๊ด) และเรียบเรียงโดย เพชร มาร์ ....เมื่อถูกถ่ายทอดด้วยเสียงร้องของมือกีต้าร์มากฝีมืออย่าง อัธพันธ์ มกรานนท์ (เอ็ดดี้) ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ก็ส่งให้เพลงเพลงนี้ เป็นเพลงที่ผมคิดถึง ต้องร้องและเล่นเสมอ ทุกครั้งที่คิดถึง Autobahn
บอกมา และ ขอมอบบทเพลง เพลงในลำดับที่ 3 และ 4 ซึ่งได้ จิรพรรณ อังศวานนท์ เข้ามาเขียน คำร้อง ทำนองและเรียบเรียง ก็มีเสน่ห์น่าฟังและไม่ใช่เป็นเพียงแค่ tracks ที่เติมเต็มอัลบั้มแค่นั้น
หรือเพลงจังหวะสนุกๆอย่าง 'ไม่มาตามนัด' ที่แต่งและเรียบเรียงโดย สิริศักดิ์ ศิริโชตินันท์ ก็น่าจะทำให้คุณขยับตัวและเต้นเบาๆไปตามจังหวะเพลงได้
คุณพยักหน้ารับฟัง แต่คิ้วยังยกขึ้นเล็กน้อย บ่งบอกความไม่แน่ใจ . . .
เมื่อคุณกลับถึงบ้านคืนนี้ ลองเปิดเพลงที่ 7 ที่ชื่อ 'ก็นอนไม่ค่อยหลับ' คุณจะพบกับเพลงช้าอีกเพลงที่จะพาคุณล่องลอย ไปกับความเหงาเศร้าระคน จากคนเขียนเพลงมีฝีมืออย่าง เชษฐา ยารสเอก ที่คุณน่าจะพอคุ้นๆชื่อเขาอยู่บ้าง เพลงนี้ยังถูกเรียบเรียงโดย เพชร มาร์ นักดนตรีคุณภาพคนเดิมอีกเช่นกันซึ่งน่าจะรับประกันคุณภาพได้ดี
เพลงที่ 9 ซึ่งเป็นอีกเพลงที่มีเสน่ห์และกลิ่นอายของ butterfly อย่างชัดเจน ในชื่อว่า 'เธอคือเสียงเพลง' ซึ่งจะทำให้คุณต้องขยับคอไปตามจังหวะสะบัดกีต้าร์ที่น่าฟัง ถ้าหากคุณเคยฟัง butterfly คุณจะไม่แปลกใจเลยที่พบว่าเพลงเพลงนี้ถูกแต่งและเรียบเรียงโดย สุรสีห์ อิทธิกุล อีกหนึ่งในสมาชิกของ butterfly นั่นเอง อัธพันธ์ มกรานนท์ (เอ็ดดี้) ถ่ายทอดอารมณ์เพลงได้อย่างกระชับ เต็มไปด้วยพลังและมีเสน่ห์มาก เป็นอีกเพลงที่ผมอยากแนะนำให้คุณลองฟังดู
ทุกๆเพลงในอัลบั้มนี้ ใช้เวลาทำงานตั้งแต่ปี 2532-2534 บันทึกเสียงกันที่ butterfly studio และได้ จิรพรรณ อังศวานนท์ และ Clieford Coulter เป็นนักดนตรีรับเชิญ โดยมี เพชร มาร์ เป็นผู้ คิด, แต่ง, แก้ และ mixed down นั่นหมายถึงผมกำลังบอกคุณว่า จากชื่อเสียงของคนทำงานเบื้องหลังเหล่านี้ คุณสามารถซื้ออัลบั้มนี้ได้โดยไม่ต้องลังเลใจ
ถึงแม้ว่า Autobahn จะมีอัลบั้มที่สองตามมาในปีถัดมาในชื่ออัลบั้ม 'ความรัก' โดยมี producer
คนเก่งคนเดิมอย่าง จิรพรรณ อังศวานนท์ โดยอัลบั้มที่สองนั้นถูกบันทึกเสียงในช่วงปลายปี 2535
แต่ผมอยากให้คุณเริ่มต้นกับ Autobahn ในอัลบั้มแรกของพวกเขาก่อน
ถ้าหากคุณถูกใจในบทเพลงของพวกเขาเหมือนกับผม . . . เราค่อยเดินลัดเลาะไปตามรอยเท้าของพวกเขาด้วยกันต่อ
และแม้ว่า Autobahn จะมีอัลบั้มออกมาให้เราได้ฟังกันแค่ สองอัลบั้มเท่านั้น แต่มันเป็นสองอัลบั้มที่เต็มไปด้วยดนตรีที่มีคุณภาพ น่าฟังและเป็นที่ต้องการของนักสะสมในยุคต่อมาจนถึงปัจจุบัน
รอยยิ้มของคุณครั้งนั้น มีค่าและความหมายมากกว่าคำขอบคุณหรือคำพูดใดๆ ผมหวังว่าในค่ำคืนนั้นเมื่อคุณบรรจงใส่แผ่น CD ของ Autobahn เข้าสู่เครื่องเสียง เมื่อเสียงดนตรีเริ่มบรรเลงบทเพลงแรกในอัลบั้มแรก เสียงเพลง 'แด่เธอ' จะค่อยๆโอบกอดหัวใจของคุณไว้ พาคุณเข้าสู่จินตนาการที่ไร้ขอบเขต
ทุกๆค่ำคืนที่ผมได้ฟังอัลบั้ม Autobahn ไม่ว่าขณะขับรถ หรือ ขณะวางศรีษะลงที่หมอนเก่าใบเก่งในห้องนอนของผม เสียงเพลง 'แด่เธอ' จะหุ้มห่อหัวใจผมไว้ พาผมโบยบินไปกับจินตนาการที่ไร้ขอบเขต ผมหวังว่าหัวใจของเราคงได้คุยและยิ้มให้กันอีกครั้งและอีกครั้ง....ณ ที่นั้น.
*** ประดิษฐ์เรื่อง โดย วีเจ็ดสิบสี่ วันที่ 23 สิงหาคม 2550