1 คะแนน

"ทำไมหนูถึงไม่ได้คะแนนเต็มจากอาจารย์คะ?" เด็กคนนึงเอ่ยถาม
เธอเป็นนักเรียนใน class ที่ผมสอน
เธอผู้ซึ่งได้ 9.5 คะแนนจากคะแนนเต็ม 10


คำถามนี้ทำให้ผมอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ผมจะตอบกลับไปว่า
"ผมจด comment ไว้ เดี๋ยวผมกลับไป check ให้ครับ"
เป็นการขอเวลาในการกลับไปดูข้อมูลและตอกย้ำความคิดในการให้คะแนนของผมอีกครั้ง ก่อนจะให้เหตุผลกับเธอ

Post production หรือ Portfolio Preparation คือวิชาที่ผมสอนอยู่ที่ศิลปากร Inter ในเวลานี้ วิชานี้กล่าวถึงการเตรียมตัวและเตรียมผลงานสำหรับการก้าวไปสู่โลกของการทำงานจริง ทำอย่างไรถึงจะ present งานของตนเองให้ออกมาดีที่สุด พร้อมที่สุดสำหรับการทำงานหรือแม้แต่การเรียนต่อ Master Degree
คะแนนสำหรับวิชานี้จึงไม่ได้มาจากการสอบ แต่มาจากการ present ผลงานทั้งหมดของตัวเองในรูปแบบของ Portfolio

ผมคงไม่อึ้งหรือไม่แปลกใจถ้าเด็กที่เข้ามาถามเรื่องคะแนนเป็นเด็กที่ได้คะแนนน้อย แต่กับคำถามจากเด็กที่ได้คะแนนเกือบเต็มนั้น ทำให้ผมถึงกับต้องกลับมาทำการบ้านกันใหม่

9.5 เกิดจาก (9+10) / 2
ใช่ครับ ผมให้เธอ 9 ขณะที่อาจารย์ที่ปรึกษาของเธอให้ 10
คะแนนรวมจากอาจารย์ 2 ท่าน หารด้วย 2 ส่งผลให้เธอได้ 9.5 เต็ม 10
ไม่ต้องคำนวนต่อก็ต้องรู้ได้ทันทีว่า เธอมีโอกาสที่จะได้รับ grade "A" อย่างไม่ต้องสงสัย
แต่นั่นยังไม่สามารถคลายความสงสัยของเธอลงได้
. . .
แล้ว 0.5 คะแนนนั้น มันหายไปได้อย่างไร?
ด้วยความตั้งใจในการพยายามเป็นผู้สอนที่ดี ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้มีอคติกับเธอ หรือกับนักเรียนของผมคนไหน ดังนั้นประเด็นของการตัดคะแนนด้วยความไม่ชอบพอ หรือ ไม่ถูกชะตากันเป็นการส่วนตัวจึงไม่มีทางเป็นไปได้


เคยไหมครับ เวลาเดินซื้อของแล้วเจอของที่เรารู้สึกสนใจ หยิบขึ้นมาดู
พินิจพิจารณาดูเพียงครู่เดียวก็รู้ได้ว่า ของชิ้นนั้นกำเนิดขึ้นด้วยความตั้งใจของผู้ผลิต
มีความปราณีต พิถีพิถัน ใส่ใจในรายละเอียด . . . ที่สำคัญ ราคาไม่แพง สามารถซื้อได้แต่เราก็ไม่ซื้อมา ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง แม้เพียงน้อยนิด ที่ทำให้เราตัดสินใจไม่ซื้อมันกลับมา
และเราไม่รู้สึกว่าตัดสินใจผิด หรือเสียดาย อยากกลับไปซื้อมันอีก ทั้งๆที่รู้ว่าของชิ้นนั้นเป็นของคุณภาพดี

ไม่ใช่เพราะเสียดายเงิน
ไม่ใช่เพราะของไม่มีคุณภาพ
ไม่ใช่เพราะมันไม่ตอบสนองความต้องการ
แต่มันอาจมีมวลเล็กๆของความรู้สึกภายในบอกตัวเราเองว่า มันน่าที่จะดีได้มากกว่านี้อีกสักนิด

งานของ 'เธอ' สำหรับผมก็เช่นกัน หลัง presentation ผมรับรู้ได้ทันทีถึงความตั้งใจทำงาน และ คุณภาพของงานที่ดี หาก Grade คือรางวัลสำหรับเธอแล้ว เธอสมควรที่จะได้ A อย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนร่วม class อีกหลายคนที่ขาดความรับผิดชอบ หรือ ตั้งใจทำงานน้อยกว่าเธอ . . . แต่สำหรับคะแนนดิบนั้น ผมแอบตัดไว้ 1 คะแนน

1 คะแนนที่ผมไม่อยากหลอกตัวเอง หาก 10 คะแนนเต็มคืองานที่ดีและใช่ ผมขอให้เธอ 9 ได้ไหม?
1 คะแนนที่ยังเห็นจุดเล็กจุดน้อยที่น่าปรับปรุง แม้ไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่มันส่งผลต่อความรู้สึกของผมอย่างเลี่ยงไม่ได้
1 คะแนนที่หวังจะกระตุ้นให้เธอพยายามออกแบบให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ทั้งที่เธอก็ทำดีอยู่แล้ว
1 คะแนนที่อยากสอนเธอว่า ในโลกที่กว้างใหญ่นี้ ยังมีคนที่คิดแตกต่าง ชอบ และมองความงามต่างไปจากที่เธอมอง
1 คะแนนที่เธอไม่ได้ผิด เธอไม่ได้ด้อย แต่เธอต้องยอมรับความเห็นที่แตกต่างและอยู่กับมันได้อย่างกลมกลืน
1 คะแนนที่ไม่มีผลต่อ Grade ของเธอสำหรับวิชานี้ที่ผมสอน
1 คะแนนที่ผมเก็บไว้ให้ใจและความรู้สึกของผมต่องานศิลปะ

แล้วผมจะตอบเธออย่างไร?
ด้วยรู้ว่าผมเองก็ไม่ใช่คนที่กำหนดบรรทัดฐานของความงามบนโลกใบนี้
ด้วยรู้ว่าหากตอบว่า ไม่โดนใจ คงไร้เหตุผลเพียงพอที่เธอจะรับฟังได้
ด้วยรู้สึกไม่อยากทำลายกำลังใจและความเชื่อมั่นในการออกแบบของเธอเพราะสิ่งที่เธอทุ่มเทนั้นเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว
ด้วยรู้ว่าสัญชาติญาณและประสบการณ์บอกผมแบบนั้น
และด้วยรู้สึกเกรงใจอาจารย์ที่ปรึกษาของเธอ หากผม comment ไปในทิศทางที่แตกต่างออกไป

ผมต้องกลับมาทำการบ้านอีกครั้ง เพราะผมเชื่อว่าศิลปะและความชอบนั้น มันมีเหตุและผลรองรับอยู่เสมอ และต้องไม่ใช่เพียงแค่ 'โดน' เท่านั้น
ผมต้องเรียนรู้ที่จะถ่ายทอดแม้เพียงเสี้ยวของความรู้สึก ให้สื่อสารกับผู้รับได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่านี้

1 คะแนนนี้จึงมีความหมายทั้งต่อผมและเธอ
1 คะแนนที่ทำให้ผมต้องกลับมาทบทวนตัวเอง ทั้งในฐานะของ designer และ teacher . . .

4 Response to "1 คะแนน"

gravatar
dogdoy Says:

ช่างยากเย็นเสียจริงๆครับ

จริงๆพี่ควรให้เธอ 10 ไปเลยนะครับ แต่เต็ม 11 :P

เพิ่งรู้ว่าพี่ไปเป็นอาจารย์ที่ศิลปากรครับ เหมาะๆๆ

gravatar
จุ๊บ Says:

อืมมม เด็กสมัยนี้มีความเชื่อมั่นและตั้งใจสูงดีค่ะ

แต่ก็เห็นด้วยค่ะ ว่าในโลกนี้มันไม่ได้มีอะไรที่ตรงใจเหมือนกันหมดซะทุกคน

คำถามของน้องคนนั้นมองได้ 2 แง่
หนึ่ง ก็คือ มั่นใจว่าต้องได้เต็ม เมื่อไม่ได้ก็เลยแคลงใจสงสัย
สองก็คือ ไม่ได้ติดใจมากนักกับ คะแนนที่ขาดไป แต่อยากรู้เหตุผลเพื่อที่จะปรับปรุงต่อไป

ไม่ว่าเป็นแบบไหน..แจงว่ามันก็ตอบยากจริงๆ ค่ะ

แต่อ่านแล้วทำให้แจงคิดถึงตอนทำงานที่แรกๆ และที่ต่อๆมา เลยค่ะ (ทำประจำมาหลายที่ ^^')
ที่แรกกับที่ที่ 2 แจงทำงานโดยที่เจ้านายค่อยข้างให้เกียรติ และความสำคัญกับงานและตัวเรา การพรีเซ็นต์งานต่างๆ ทำได้โดยความมั่นใจ และชื่นชมจากเจ้านายและลูกค้าของเรา

เมื่อวันนึงเราได้ออกจากงานไป ทำที่ใหม่ เราพกพาเอาความมั่นใจและคาดหวังไปว่าอะไรๆ มันก็คงจะเป็นเหมือนที่ผ่านมา

แต่เปล่าเลย..555 เจ้านายที่ใหม่เฮี๊ยบมาก ไม่เคยชมงานใครว่าสวย หรือแสดงความชอบออกมาทางคำพูดเลย อย่างมากก็แค่บอกว่าโอเค ผ่าน อย่างร้ายๆ ก็ไม่ชอบอ่ะ แต่ไม่มีเหตุผลให้ ทั้งๆที่เราก็ทำงานด้วยมาตรฐานเดิม งานแต่ละงานผ่านได้ด้วยความพยายามที่มากขึ้นๆ ต้องใช้เวลาปรับตัวและทำความเข้าใจสไตล์ของเจ้านาย อยู่พักนึง

หลังจากนั้นก็มีที่ 4-5 คราวนี้เราก็ไม่ยั่นแล้วค่ะจะมาแบบไหนก็มาเลย 5555

แจงไม่ได้จะบอกว่าเปรียบพี่ เฮี๊ยบ เหมือน เจ้านายคนนี้นะคะ =D

แต่แจงกำลังรู้สึกว่าน้องเค้าต้องเจออะไรอีกเยอะในอนาคต ที่จะสั่นคลอนอัตตาของเค้า โดยที่ไม่สนใจความรู้สึกเค้ามากเท่าที่อาจารย์ของเค้าสนใจเลย

ถ้าเค้ายังไม่เข้าใจในวันนี้..วันนึงเค้าก็คงเข้าใจค่ะ


ยังไงก็เอาใจช่วยให้พี่หาคำตอบเหมาะๆให้น้องเค้านะคะ
ขอโทษค่ะ ตอบยาวนิดนึง..แอบอิน =d

gravatar
v74 Says:

ขอบคุณมากครับ ที่แวะมาทักทายกัน ทั้งด๋อยและแจง

พี่เป็น อ.พิเศษ ครับด๋อย ไม่ได้ประจำ . . . ก็สนุกดีนะ งานสอน

คือพี่มองว่าเราไปสอนเนี่ย จริงๆแล้วเราก็ได้เรียนด้วย . . . เรียนจากเด็กนี่ล่ะ . . . แล้วเราก็ต้องทำการบ้านไปมากๆเหมือนกัน

ส่วน 2 แง่ ที่แจงมองนี่ พี่เห็นด้วยเลย เพราะพี่เองก็คิดเหมือนกันว่า เด็กคนนี้เขาคิดแบบไหนถึงถาม . . . แต่ไม่ว่าเป็นแบบไหน.มันก็ตอบยากจริงๆเนอะ

พี่ไม่ใช่คน"เฮี๊ยบ" คือ ไม่ดุ ไม่ด่า แต่ว่าพี่ "เนี๊ยบ"
คือ detail เล็กๆน้อยๆ ถ้ามองเห็น พี่จะพยายามให้เด็กแก้ไขให้ดีที่สุดเท่าที่เขาและพี่จะมองเห็น
เหมือนช่วยกันแก้ปัญหา . . . ผลักดันงานให้มันไปได้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

ส่วนมากที่เจอ จะเจอแบบไม่ค่อยขยันทำงานมากกว่า . . . case นี้เลยแปลกดี

1 คะแนนนี้ คุ้มจริงๆ . . .

** ปล. ตอบสั้น ตอบยาว ได้หมดครับแจง ขอบคุณที่แวะมาคุยครับ
** แจงประสบการณ์ทำงานเยอะดีครับ เป็นสิ่งที่หาไม่ได้ในห้องเรียน เป็นสิ่งที่เด็กนักเรียนควรรู้ หลายคนอยากรู้ แต่คนสอน สอนให้ไม่ได้ . . .

gravatar
ShiNy JuNe Says:

แบบว่าอ่านแล้วโดนค่ะ
เพราะว่าตกที่นั่งอาจารย์ อาจารย์ประจำแล้วซะด้วย
อ่านแล้วเลยทำให้ต้องมานั่งทบทวน และคิดว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้บ้าง แล้วเราจะทำยังไงนะ แล้วก็ต้องพยายามให้เกิดอคติน้อยที่สุดด้วย

แหม นึกว่าเป็นอาจารย์ประจำเหมือนกัน ว่าจะขออีเมล์ซักกะหน่อยอะค่ะ