บ่อยครั้ง ที่เรามักจะได้ยินคนเปรียบเทียบ guitar กับผู้หญิงอยู่เสมอ
ด้วยเพราะความผูกพันธ์ของผู้เล่น กับตัว guitar เอง
เมื่อผูกพันธ์มากเข้า สิ่งไม่มีชีวิตก็มีชีวิตขึ้นมาได้
Guitar ถูกเปรียบกับผู้หญิง ในหลายแง่มุม
ไม่ว่าจะเป็นการเปรียบเทียบทางมโนภาพ > การได้ยินเสียง เกิดจินตนาการ
ซึ่งก็เปรียบเทียบเสียงของ guitar กับหญิงสาวที่มีลักษณะแตกต่างกันไป
หรือทางกายภาพ > การมองเห็น เกิดจินตนาการ
ซึ่งก็ได้แก่ส่วนเว้า ส่วนโค้ง และเส้นสายที่ body ที่สวิงได้สัดส่วนที่สวยงาม เซ็กซี่ประดุจเรือนร่างของสาวงาม สง่า น่ารัก น่าฟัด น่ากอด
และถ้าพูดถึง guitar ที่มีรูปทรง และสัดส่วนที่ถือว่า sexy ในระดับ classic ตลอดกาลแล้วล่ะก็
คงไม่มีใครปฎิเสธได้ว่า Stratocaster ที่ออกแบบและผลิตโดย Fender นั้น ถือเป็น guitar
ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดยี่ห้อหนึ่งของโลก มีอิทธิพลต่อ guitar รุ่นต่อๆมาและถูก copy design มากที่สุดด้วยเช่นกัน
Stratocaster นั้นก็ถูกเปรียบเทียบกับหญิงสาวเช่นเดียวกัน
โดยมีคำกล่าวว่า มันมีรูปทรงที่โค้งเว้า สวยงาม เสียงหวาน ออดอ้อน ยั่วยวน
ประดุจดังหญิงสาว sexy ตลอดกาลของโลกอย่าง Marilyn Monroe
ผมเองก็จำไม่ได้แล้วว่าได้ยินคำกล่าวนี้มาจากที่ไหน แต่ทุกครั้งที่ผมเห็นภาพของเธอ
ผมมักจะคิดถึง Fender Stratocaster อยู่เสมอ
ชีวิตนี้ผมคงไม่สามารถมีโอกาสได้ถ่ายรูป Marilyn Monroe
ได้ถ่ายตุ๊กตาก็ยังดี เพราะจะให้ซื้อมาเก็บสะสมก็คงไม่ใช่แนวทางของผมนัก
ตลาดคลองสวน
2
comments |
This entry was posted on September 30, 2010
การเอ้อระเหยเป็นความผิดไหม?
ผมวางคำถามไว้พร้อมกับปล่อย mouse . . . หยิบกล้องขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างไม่รีบร้อน
ในช่วงปลายภาคการศึกษา ที่เบียดเสียดไปด้วยการส่ง project และการสอบ
หน้าที่ของอาจารย์ผู้สอนก็เข้มข้นไม่ได้น้อยไปกว่านักศึกษาแต่อย่างใด
ผมขับรถมุ่งหน้าออกนอกเมือง พลันคุยกับตัวเองไปตลอด . . .
คนขับแท๊กซี่ฝากชีวิตไว้ข้างถนนบริเวณที่คนคลาคล่ำ งานของเขาคือการส่งถ่ายผู้โดยสารจากที่หนึ่งสู่ที่หนึ่ง จากเช้าจนถึงผู้โดยสารเที่ยวสุดท้ายในตอนเย็น หากไม่ใช่คนขับรถรอบกลางคืน
อาหารข้างถนนรสจัดจ้านที่คุ้นเคยกับบุหรี่สักมวนยามอาทิตย์โพล้เพล้ ก็ส่งให้เขามีความสุขได้อย่างไม่ยากนัก
คนขับเรือจากฝั่งสู่ฝั่ง จากท่าสู่ท่า จากตลิ่งสู่ตลิ่ง
เขามองผิวน้ำที่กระเพื่อม กวาดสายตาเข้าสู่ฝั่ง เห็นสาวสวยนุ่งสั้น โคนขาของหล่อนขาวสวยพาให้ใจรัญจวน ปล่อยสายตาทอดไว้ที่ความเซ็กซี่นั้นอย่างละมุนละไม ปล่อยจินตนาการให้ล่องลอยไปอย่างไม่แยแสกับเวลาที่ไม่หยุดนิ่ง
คนขายหมูปิ้ง. . .ที่ภาระของเขาจบลงเมื่อหมูไม้สุดท้ายถูกขายออก
ในช่วงเวลาที่ลูกค้าเบาบาง เขาปล่อยใจล่องลอยไปกับควันของการปิ้งย่าง
แหงนหน้ามองฟ้าสูดอากาศแล้วสะบัดความเครียดออก
แม้บางวันจะขายได้ไม่หมด สองสามไม้สุดท้ายนั้นเขาสามารถหยุดขาย
ด้วยการกิน หรือการให้ทานกับสุนัขที่หิวโหย
นักดนตรีกลางคืน ที่งานของเขาจบลงที่โน๊ตตัวสุดท้ายของเพลงสุดท้ายหลังเที่ยงคืน
ชีวิตของพวกเขาเริ่มต้นขึ้น ณ เวลานั้น ก่อนจบลงที่ปลายตีนของผีเสื้อราตรี ณ ปลายเตียง
เช้าของวันพรุ่งนี้ ไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับพวกเขา
นักการเมือง งานของเขาคือการวาดภาพ วาดความหวัง
เขาวาดมันด้วยปากและถ้อยคำที่สวยงามต่อประชาชนเพื่อที่จะให้ตัวเขาเองได้เข้าไปนั่งหลับในสภา
แล้วเดินจากมา กลับขึ้นรถ รับแก้วไวน์แล้วเอนหลังตามอัธยาศัย งานของเขาไม่ต้องอิงเวลาเช้า-เย็น
หากแต่อิงตามวาระแห่งรัฐธรรมนูญ หรือ จบลงด้วยการชุมนุมของกลุ่มนักปฏิวัติ
เราจึงเห็นพวกเขาเอ้อระเหยกันอยู่เป็นนิจ
ใครและใครหลายคน จับจังหวะในหน้าที่แล้วระเหยไปตามวิถีทางที่แตกต่าง
แต่ชีวิตของผมโดยเฉพาะช่วงนี้ไม่เป็นอย่างนั้น. . .
ช่วงชีวิตที่ผมต้องทดแทนพระคุณบิดามารมาขณะที่เขาเจ็บป่วย. . .เวลา เป็นสิ่งที่สำคัญ
การประกอบอาชีพด้วยการเป็นอาจารย์พิเศษนั้น ข้อดีที่เห็นได้ชัดเจนคือการมี'เวลา'ที่มากขึ้น
ผมต้องการมันพอๆกับเงินเลี้ยงชีพ . . .
ผมกล้าพูดเลยว่า 'เหนื่อยและท้อ' แต่ไม่เสียใจที่ชีวิตผมเดินทางมาในลักษณะนี้
ในช่วงเวลาที่งานกำลังเร่งเร้า รวมเข้ากับภาระหน้าที่ต่อบิดามารดาที่มีเป็นประจำอยู่แล้ว
ส่งผลให้ผมมองไม่เห็นเวลาที่เหลือ . . .
เวลา . . . ที่ผมใช้มันกรีดลงบนเส้นลวด 6 สาย
เวลา . . . ที่ผมใช้มันบันทึกความทรงจำผ่าน blog
เวลา . . . ที่ผมใช้มันเก็บภาพชีวิตด้วยการกด shutter
ผมเลือกที่จะไม่หลับ ถ้ายังไม่ถึงเวลาอันควร และอีกหลายครั้งที่ผมเอ้อระเหยขณะที่งานกำลังเข้มงวด ครั้งนี้ก็เช่นกัน ผมบอกตัวเองขณะนั่งอยู่หลังพวงมาลัย
ไม่นานนัก ผมก็พาตัวเองมาถึงตลาดเก่าที่มีอายุถึง 100 ปี
ตลาดคลองสวนในวันทำงาน ไร้ซึ่งนักท่องเที่ยว
ผมใช้เวลาอยู่ที่นี่ครู่ใหญ่ กดชัตเตอร์ บันทึกภาพอย่างเอ้อระเหย
ก่อนกลับเข้าสู่ชีวิตจริงแห่งการต่อสู้ อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง . . .
Visit v74pix for more pixs.
ผมวางคำถามไว้พร้อมกับปล่อย mouse . . . หยิบกล้องขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างไม่รีบร้อน
ในช่วงปลายภาคการศึกษา ที่เบียดเสียดไปด้วยการส่ง project และการสอบ
หน้าที่ของอาจารย์ผู้สอนก็เข้มข้นไม่ได้น้อยไปกว่านักศึกษาแต่อย่างใด
ผมขับรถมุ่งหน้าออกนอกเมือง พลันคุยกับตัวเองไปตลอด . . .
คนขับแท๊กซี่ฝากชีวิตไว้ข้างถนนบริเวณที่คนคลาคล่ำ งานของเขาคือการส่งถ่ายผู้โดยสารจากที่หนึ่งสู่ที่หนึ่ง จากเช้าจนถึงผู้โดยสารเที่ยวสุดท้ายในตอนเย็น หากไม่ใช่คนขับรถรอบกลางคืน
อาหารข้างถนนรสจัดจ้านที่คุ้นเคยกับบุหรี่สักมวนยามอาทิตย์โพล้เพล้ ก็ส่งให้เขามีความสุขได้อย่างไม่ยากนัก
คนขับเรือจากฝั่งสู่ฝั่ง จากท่าสู่ท่า จากตลิ่งสู่ตลิ่ง
เขามองผิวน้ำที่กระเพื่อม กวาดสายตาเข้าสู่ฝั่ง เห็นสาวสวยนุ่งสั้น โคนขาของหล่อนขาวสวยพาให้ใจรัญจวน ปล่อยสายตาทอดไว้ที่ความเซ็กซี่นั้นอย่างละมุนละไม ปล่อยจินตนาการให้ล่องลอยไปอย่างไม่แยแสกับเวลาที่ไม่หยุดนิ่ง
คนขายหมูปิ้ง. . .ที่ภาระของเขาจบลงเมื่อหมูไม้สุดท้ายถูกขายออก
ในช่วงเวลาที่ลูกค้าเบาบาง เขาปล่อยใจล่องลอยไปกับควันของการปิ้งย่าง
แหงนหน้ามองฟ้าสูดอากาศแล้วสะบัดความเครียดออก
แม้บางวันจะขายได้ไม่หมด สองสามไม้สุดท้ายนั้นเขาสามารถหยุดขาย
ด้วยการกิน หรือการให้ทานกับสุนัขที่หิวโหย
นักดนตรีกลางคืน ที่งานของเขาจบลงที่โน๊ตตัวสุดท้ายของเพลงสุดท้ายหลังเที่ยงคืน
ชีวิตของพวกเขาเริ่มต้นขึ้น ณ เวลานั้น ก่อนจบลงที่ปลายตีนของผีเสื้อราตรี ณ ปลายเตียง
เช้าของวันพรุ่งนี้ ไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับพวกเขา
นักการเมือง งานของเขาคือการวาดภาพ วาดความหวัง
เขาวาดมันด้วยปากและถ้อยคำที่สวยงามต่อประชาชนเพื่อที่จะให้ตัวเขาเองได้เข้าไปนั่งหลับในสภา
แล้วเดินจากมา กลับขึ้นรถ รับแก้วไวน์แล้วเอนหลังตามอัธยาศัย งานของเขาไม่ต้องอิงเวลาเช้า-เย็น
หากแต่อิงตามวาระแห่งรัฐธรรมนูญ หรือ จบลงด้วยการชุมนุมของกลุ่มนักปฏิวัติ
เราจึงเห็นพวกเขาเอ้อระเหยกันอยู่เป็นนิจ
ใครและใครหลายคน จับจังหวะในหน้าที่แล้วระเหยไปตามวิถีทางที่แตกต่าง
แต่ชีวิตของผมโดยเฉพาะช่วงนี้ไม่เป็นอย่างนั้น. . .
ช่วงชีวิตที่ผมต้องทดแทนพระคุณบิดามารมาขณะที่เขาเจ็บป่วย. . .เวลา เป็นสิ่งที่สำคัญ
การประกอบอาชีพด้วยการเป็นอาจารย์พิเศษนั้น ข้อดีที่เห็นได้ชัดเจนคือการมี'เวลา'ที่มากขึ้น
ผมต้องการมันพอๆกับเงินเลี้ยงชีพ . . .
ผมกล้าพูดเลยว่า 'เหนื่อยและท้อ' แต่ไม่เสียใจที่ชีวิตผมเดินทางมาในลักษณะนี้
ในช่วงเวลาที่งานกำลังเร่งเร้า รวมเข้ากับภาระหน้าที่ต่อบิดามารดาที่มีเป็นประจำอยู่แล้ว
ส่งผลให้ผมมองไม่เห็นเวลาที่เหลือ . . .
เวลา . . . ที่ผมใช้มันกรีดลงบนเส้นลวด 6 สาย
เวลา . . . ที่ผมใช้มันบันทึกความทรงจำผ่าน blog
เวลา . . . ที่ผมใช้มันเก็บภาพชีวิตด้วยการกด shutter
ผมเลือกที่จะไม่หลับ ถ้ายังไม่ถึงเวลาอันควร และอีกหลายครั้งที่ผมเอ้อระเหยขณะที่งานกำลังเข้มงวด ครั้งนี้ก็เช่นกัน ผมบอกตัวเองขณะนั่งอยู่หลังพวงมาลัย
ไม่นานนัก ผมก็พาตัวเองมาถึงตลาดเก่าที่มีอายุถึง 100 ปี
ตลาดคลองสวนในวันทำงาน ไร้ซึ่งนักท่องเที่ยว
ผมใช้เวลาอยู่ที่นี่ครู่ใหญ่ กดชัตเตอร์ บันทึกภาพอย่างเอ้อระเหย
ก่อนกลับเข้าสู่ชีวิตจริงแห่งการต่อสู้ อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง . . .
Visit v74pix for more pixs.
WangMook Pier
0
comments |
This entry was posted on September 23, 2010
บ่อยครั้งเวลาที่มีโอกาสไปจ.ชลบุรี ผมมักจะฝากท้องไว้กับร้านอาหารทะเลสดบริเวณเขาสามมุขที่ชื่อ 'วังมุข' เสมอ . . . 'อาหารทะเลสดๆ รสชาวบ้าน' ที่ไปกี่ครั้งก็ประทับใจกับรสชาติแบบชาวบ้านที่ถูกปากและความสดของอาหารทะเลที่หาทานได้ยากในกรุงเทพฯ
หลายครั้งที่ไปแล้วก็ถ่ายรูปอาหารทะเลที่ทานกลับมาเป็นที่ระลึก แต่ครั้งนี้ผมเลือกที่จะเก็บภาพบรรยากาศของชายทะเลและท่าเรือที่ติดกับร้านวังมุขกลับมาแทน
พยายามจับ Silhouette ที่น่าสนใจแล้วเล่นกับสีและบรรยากาศของท้องฟ้าด้วย Lumix GF-1 + 14-140mm + 20mm / ต่อภาพและปรับแต่งใน PS CS5 เหมือนเคย. . .
รูปเพิ่มเติม click here
หลายครั้งที่ไปแล้วก็ถ่ายรูปอาหารทะเลที่ทานกลับมาเป็นที่ระลึก แต่ครั้งนี้ผมเลือกที่จะเก็บภาพบรรยากาศของชายทะเลและท่าเรือที่ติดกับร้านวังมุขกลับมาแทน
พยายามจับ Silhouette ที่น่าสนใจแล้วเล่นกับสีและบรรยากาศของท้องฟ้าด้วย Lumix GF-1 + 14-140mm + 20mm / ต่อภาพและปรับแต่งใน PS CS5 เหมือนเคย. . .
รูปเพิ่มเติม click here
Leica 45mm F2.8 Macro lens
0
comments |
This entry was posted on August 30, 2010
เลนส์ตัวเดียวในกลุ่มของ m4/3 ที่เป็น Auto Focus และใช้ชื่อ Leica แปะลงไป
ราคาสูงเอาเรื่อง แต่คุณภาพและสีที่นุ่มนวลในแบบ Leica Style ก็ไม่ทำให้ผิดหวังที่ซื้อมา . . .
ราคาสูงเอาเรื่อง แต่คุณภาพและสีที่นุ่มนวลในแบบ Leica Style ก็ไม่ทำให้ผิดหวังที่ซื้อมา . . .
Different Angle
0
comments |
This entry was posted on August 1, 2010
ช่วง 3 - 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมแทบไม่มีโอกาสได้ออกเดินทางไปที่ไหน
ถ้าไม่ได้ออกไปทำงาน ก็จะมีเหตุมีธุระให้ทำจนแทบไม่มีโอกาสได้จับกล้องถ่ายรูป
ขึ้นมาถ่ายรูปอย่างที่ตั้งใจไว้ . . .
ทุกครั้งที่มองย้อนกลับไป ผมมักจะเคืองตัวเองอยู่เป็นนิจ เพราะรู้สึกผิดสัญญากับตัวเองที่พยายามจะ
ฝึกฝนการถ่ายรูปให้ดีขึ้น แต่ผมก็หาจังหวะเวลาที่จะฝึกฝนไม่ได้ . . .
หลายครั้งที่ผมมองว่ามันเป็นเพียง 'ข้ออ้าง' เท่านั้น
อ้างว่าไม่มีเวลา
อ้างว่าจังหวะชีวิตไม่อำนวย
อ้างว่า อย่างนั้น อย่างนี้ . . .
และท้ายที่สุด ผมต้องชดเชยข้ออ้างเหล่านี้ด้วยความเสียดาย
แต่อดีตก็คือช่วงเวลาที่ผ่านไปและไม่สามารถย้อนกลับมาได้
ไม่ว่าจะรู้สึกอย่างไร จะดีใจ, เสียใจ หรือเสียดาย มากน้อยแค่ไหน
เราก็ต้องใช้ชีวิตอยู่กับมันไป . . . และการยึดติดอยู่กับอดีต ดูจะไม่ใช่หนทางที่ดีนัก
ถ้ารักตัวเอง ก็ไม่ควรทำร้ายตัวเองทั้งทางกายและทางใจ
การรู้สึกเสียดายย่อมมีได้ แต่หากเราจมอยู่กับความรู้สึกนั้นไปเรื่อยๆ
ย่อมเป็นการทำร้ายตัวเองในรูปแบบหนึ่ง
ชีวิตมักมี 'เหลี่ยม' ให้เปลี่ยนทิศ เปลี่ยนมุมของการดำรงชีพไปอย่างคิดไม่ถึงอยู่เสมอ
หลายครั้งที่เราดำเนินชีวิตไปในเหลี่ยมมุมที่เราไม่ได้ตั้งใจ . . . ไม่ได้คาดการณ์ไว้
แต่ถ้าเราเดินไปด้วยสติ เหลี่ยมมุมนั้นอาจไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป
เดินหลงทาง อาจทำให้เราได้เห็นทัศนียภาพที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน
ติดเกาะ ขาดการติดต่อจากโลกภายนอกไปช่วงหนึ่ง อาจทำให้เราได้หยุด
มองเห็นภาพรวม และเป้าหมายของชีวิตที่ชัดเจนขึ้น
ฝึกเล่นเพลงด้วยการฟังเพลง ไม่มีโน๊ตบอก ไม่รู้ว่าที่ถูกต้องนั้นเล่นอย่างไร
เล่นไปตามที่ได้ยิน ถูกบ้าง ผิดบ้าง . . . เราอาจได้พบสิ่งใหม่จากการฝึกนั้น
แค่เราตั้งใจมองให้ดี มองด้วยความคิดสร้างสรรค์
ซึ่งอาจเป็นเรื่องง่ายๆที่หลายคนรวมทั้งตัวเราเองมองข้ามไป
เปิดใจมอง มองให้ออกนอกกรอบที่ครอบตัวเราไว้
มองข้ามกฏเกณฑ์เดิมๆที่ผูกมัดตัวเราอยู่
มองข้ามความเชื่อเดิมที่ฝังใจ
มองให้เห็น 'เหลี่ยม' อื่นๆที่อาจซ่อนอยู่ใกล้ๆเรา ต่างมุม ต่างองศา
แค่เพียงเปลี่ยนมุมที่มอง เราอาจเห็นความงดงามที่ซ่อนอยู่...
และอาจทำให้เราก้าวผ่าน 'ข้ออ้าง' ที่เราเคยบอกตัวเองไปได้อย่างง่ายดาย
ขณะยืนล้างหน้าที่หน้ากระจก ห้องน้ำหลังบ้านตัวเอง
แสงแดดที่ทอดผ่านรั้วหลังบ้าน สาดเข้ามากระทบกับม่านเชือกที่ขยับและบิดตัว เคลื่อนไหวอย่างช้าๆ ล้อไปกับลม
ผมพบว่าความงามนั้นมีอยู่รอบๆตัวเรา เช่นเดียวกับโอกาสและจังหวะของการถ่ายรูป
เพราะจังหวะไม่ได้มีองศาเดียว
เส้นทางสู่ความสำเร็จไม่เคยทอดผ่านไปที่มุมเดียว
ความสุขนั้นเกิดขึ้นได้ทุกเหลี่ยมของชีวิต เพียงแค่พลิกหมุน มองให้เจอเหลี่ยมนั้นด้วยสติที่ตั้งมั่น...
ผมเดินไปหยิบกล้อง . . . กลับมายืนที่หลังบ้านอีกครั้ง ด้วยใจที่ต่างองศาไป . . .
ถ้าไม่ได้ออกไปทำงาน ก็จะมีเหตุมีธุระให้ทำจนแทบไม่มีโอกาสได้จับกล้องถ่ายรูป
ขึ้นมาถ่ายรูปอย่างที่ตั้งใจไว้ . . .
ทุกครั้งที่มองย้อนกลับไป ผมมักจะเคืองตัวเองอยู่เป็นนิจ เพราะรู้สึกผิดสัญญากับตัวเองที่พยายามจะ
ฝึกฝนการถ่ายรูปให้ดีขึ้น แต่ผมก็หาจังหวะเวลาที่จะฝึกฝนไม่ได้ . . .
หลายครั้งที่ผมมองว่ามันเป็นเพียง 'ข้ออ้าง' เท่านั้น
อ้างว่าไม่มีเวลา
อ้างว่าจังหวะชีวิตไม่อำนวย
อ้างว่า อย่างนั้น อย่างนี้ . . .
และท้ายที่สุด ผมต้องชดเชยข้ออ้างเหล่านี้ด้วยความเสียดาย
แต่อดีตก็คือช่วงเวลาที่ผ่านไปและไม่สามารถย้อนกลับมาได้
ไม่ว่าจะรู้สึกอย่างไร จะดีใจ, เสียใจ หรือเสียดาย มากน้อยแค่ไหน
เราก็ต้องใช้ชีวิตอยู่กับมันไป . . . และการยึดติดอยู่กับอดีต ดูจะไม่ใช่หนทางที่ดีนัก
ถ้ารักตัวเอง ก็ไม่ควรทำร้ายตัวเองทั้งทางกายและทางใจ
การรู้สึกเสียดายย่อมมีได้ แต่หากเราจมอยู่กับความรู้สึกนั้นไปเรื่อยๆ
ย่อมเป็นการทำร้ายตัวเองในรูปแบบหนึ่ง
ชีวิตมักมี 'เหลี่ยม' ให้เปลี่ยนทิศ เปลี่ยนมุมของการดำรงชีพไปอย่างคิดไม่ถึงอยู่เสมอ
หลายครั้งที่เราดำเนินชีวิตไปในเหลี่ยมมุมที่เราไม่ได้ตั้งใจ . . . ไม่ได้คาดการณ์ไว้
แต่ถ้าเราเดินไปด้วยสติ เหลี่ยมมุมนั้นอาจไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป
เดินหลงทาง อาจทำให้เราได้เห็นทัศนียภาพที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน
ติดเกาะ ขาดการติดต่อจากโลกภายนอกไปช่วงหนึ่ง อาจทำให้เราได้หยุด
มองเห็นภาพรวม และเป้าหมายของชีวิตที่ชัดเจนขึ้น
ฝึกเล่นเพลงด้วยการฟังเพลง ไม่มีโน๊ตบอก ไม่รู้ว่าที่ถูกต้องนั้นเล่นอย่างไร
เล่นไปตามที่ได้ยิน ถูกบ้าง ผิดบ้าง . . . เราอาจได้พบสิ่งใหม่จากการฝึกนั้น
แค่เราตั้งใจมองให้ดี มองด้วยความคิดสร้างสรรค์
ซึ่งอาจเป็นเรื่องง่ายๆที่หลายคนรวมทั้งตัวเราเองมองข้ามไป
เปิดใจมอง มองให้ออกนอกกรอบที่ครอบตัวเราไว้
มองข้ามกฏเกณฑ์เดิมๆที่ผูกมัดตัวเราอยู่
มองข้ามความเชื่อเดิมที่ฝังใจ
มองให้เห็น 'เหลี่ยม' อื่นๆที่อาจซ่อนอยู่ใกล้ๆเรา ต่างมุม ต่างองศา
แค่เพียงเปลี่ยนมุมที่มอง เราอาจเห็นความงดงามที่ซ่อนอยู่...
และอาจทำให้เราก้าวผ่าน 'ข้ออ้าง' ที่เราเคยบอกตัวเองไปได้อย่างง่ายดาย
ขณะยืนล้างหน้าที่หน้ากระจก ห้องน้ำหลังบ้านตัวเอง
แสงแดดที่ทอดผ่านรั้วหลังบ้าน สาดเข้ามากระทบกับม่านเชือกที่ขยับและบิดตัว เคลื่อนไหวอย่างช้าๆ ล้อไปกับลม
ผมพบว่าความงามนั้นมีอยู่รอบๆตัวเรา เช่นเดียวกับโอกาสและจังหวะของการถ่ายรูป
เพราะจังหวะไม่ได้มีองศาเดียว
เส้นทางสู่ความสำเร็จไม่เคยทอดผ่านไปที่มุมเดียว
ความสุขนั้นเกิดขึ้นได้ทุกเหลี่ยมของชีวิต เพียงแค่พลิกหมุน มองให้เจอเหลี่ยมนั้นด้วยสติที่ตั้งมั่น...
ผมเดินไปหยิบกล้อง . . . กลับมายืนที่หลังบ้านอีกครั้ง ด้วยใจที่ต่างองศาไป . . .
Yesterday Once More
2
comments |
This entry was posted on July 22, 2010
เมื่อวันที่ 9-18 กรกฎาคม 2553 ที่ผ่านมา
Seacon Square ได้จัดงาน
“Yesterday Once More”
ซึ่งเป็นงาน หวนรำลึกความสุข ความทรงจำ กับหลากหลายเรื่องราวความประทับใจ ร่วมสัมผัสเสน่ห์วิถีชีวิตชาวกรุง เมื่อ 40 ปี ก่อน ท่ามกลางบรรยากาศจำลอง ถนนราชดำเนินกลาง ศาลาเฉลิมไทย ภูเขาทอง ตลาด และร้านค้าในอดีต
ร้านกาแฟโบราณ ร้านขายของชำ ร้านถ่ายรูป ร้านตัดผม ร้านหนังสือ ห้องเรียน ที่ว่าการอำเภอ พร้อมของเก่าเก็บที่เต็มไปด้วยความสุขที่ไม่เคยจางหายของนักสะสมชื่อดัง ฯลฯ
มองวัน วานผ่านเลนส์
เริ่มกันด้วยภาพบรรยากาศแบบกว้างๆ
บรรยากาศในงานเป็นแบบเรียบง่าย ไม่มีอะไรหวือหวา
เดินแบบสบายๆ ไม่เป็นทางการ ไม่จริงจัง ไม่เบียดเสียด
พอเรียกบรรยากาศเก่าๆใน อดีตกลับมาให้หายคิดถึงได้
ร้านค้าต่างๆ ก็งัดเอาของเก่าย้อนยุค และของใหม่ที่ออกแบบให้ย้อนยุค
ออก มาขาย มาแสดงกันเต็มที่
สำหรับเด็กน้อยวัยซนเมื่อ 20-30 ปีก่อนต้องรู้จักสิ่งนี้
ผมไม่รู้ว่า ชื่อเรียกมันคืออะไร แต่มันเป็นไข่ที่อยู่ในตู้หยอดเหรียญ
หยอดแล้วหมุน ที่ตู้ เราก็จะได้ไข่มา 1 ฟอง
เปิดออกมาก็จะได้ลุ้นรางวัลกันว่าจะ ได้อะไร
ผมจำได้ว่า เป็นสิ่งที่ตื่นเต้น สร้างความสุขให้ผมได้ไม่น้อยในอดีต
ไม้ขีดรุ่นเก่า และของเก่ามากมาย วางเรียงราย ให้ชมกันตลอดงาน
จากของใช้ทั่วไปที่ไม่มีใครสนใจ เมื่อเวลาผ่านไป ก็เริ่มหายากและกลายเป็นของมีค่าน่าสะสม
ระหว่างที่เดินชมงาน เราก็จะได้ยินเสียงเพลงเก่าๆ เคล้าบรรยากาศไปตลอดงาน
ร้านตัดผม ที่มาให้บริการตัดกันจริงๆในราคาย่อมเยา
เห็นแล้วก็ย้อนกลับไปคิดถึงสมัยที่ตัวผมเองวิ่งเล่นอยู่แถว 'หน้าเก๋ง' ชลบุรี
ผมเองก็มีร้านตัดผมลักษณะนี้เป็นร้านประจำอยู่ที่นั่นเหมือนกัน
บรรยากาศไม่แตกต่างจากภาพที่เห็นนี้เลย
การได้มาเห็นสัมผัสบรรยากาศแบบนี้อีกครั้ง ก็เติมความสุขให้ชีวิตผมได้อย่างไม่ยากเย็น
วิถีชาวบ้านในสมัยก่อน กับการเดินเที่ยวตลาดนี่ขาดไม่ได้เลยคือ หมึกย่าง ครับ
หอม เหนียวนุ่ม เคี้ยวกันเพลินดูหนังกางแปลงไปด้วย
สุขใจมาก
ร้านค้าในอดีต ที่ขายของเล่นและขนมนานาชนิด
ที่ทุกๆคนต้องหยุดแวะเข้ามาเลือกซื้อเลือกชม
ไม่ว่าจะเด็ก ไปจนถึงผู้ใหญ่หัวใจเด็กทุกคน
ต่างได้รับความสุขกันไปต่างวัย ต่างมุมมอง
เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปสู่วันวานอีกครั้ง
และสุดยอดของเก่าที่มีชื่อเสียง ก็คือเจ้าก้อนพลังงานที่สวยและ classic แห่งยุคอดีต
ถ่านไฟฉายตรากบ นั่นเอง. . .
หนึ่งในลูกอม คู่ปาก คู่ลิ้นของคนทุกเพศทุกวัยในยุคก่อน
ก็ต้องมีชื่อของ ฮอลล์ อยู่ด้วย กับ packaging ที่ถือว่า classic ตลอดกาลกับใบหน้าของสาวคนนี้ที่กลาย
เป็น icon ของฮอล์ลไปแล้ว
และของใช้ในอดีต อื่นๆอีกมากมาย
เดินผ่านมาอีกนิดก็พบกับ ตู้ไม้จัดแสดงยาสูบในยุคโบราณ
ที่ผมเชื่อ ว่านักถุนยารุ่นเก๋าต้องเคยผ่านตา ผ่านปอด กันมาแล้ว
ปัจจุบันเรามี ipod, iphone, ipad ที่ให้เราเสพสื่อกันแบบ Multi-media
แต่ ในอดีตนั้น ความสุขหลักๆก็มาจากเจ้าวิทยุหน้าตาและอารมณ์ประมาณนี้ครับ
หมุน หาคลื่นและหาตำแหน่งกัน ชัดบ้างไม่ชัดบ้าง เฝ้ารอฟังเพลงโปรดที่เราหาซื้อแผ่นเสียงไม่ได้
ความสุขจากเสียงดนตรีที่ เราได้ยินและร้องตามไปด้วย จากวิทยุหน้าตาโบราณแบบนี้. . . หาได้ยากมากแล้วในปัจจุบัน
ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง
ในยุคนี้ สาวๆแค่เข้า youtube ก็ได้เห็นวิธีแต่งหน้า แต่งตัว กันแบบครบถ้วน สะดวกง่ายดาย
แต่ใน สมัยก่อนต้องอาศัยตำรากันแบบนี้ครับ
'ผดุงโฉม โน้มเสน่ห์'
โทรศัพท์มือหมุน ไม่ใช่มือถือ . . .
เวลารีบๆนี่หมุนเบอร์และกระแทกนิ้ว กันไม่ทันใจที่ร้อนรนเลยทีเดียวเชียว
บรรยากาศในงานโดยรวม เราจะเห็นแต่ของเก่า ที่เก่าจริงๆ
จะมีก็เพียงเจ้า นี่ล่ะครับ ที่ตัวรุ่นน่ะเก่า แต่สภาพนี่มัน New Old Stock ชัดๆ
เนี๊ยบ สวย classic มากๆ
มันคือ Alfa Romeo สุดเท่ห์นั่นเอง
classic มาก . . . และเจ้าของก็รักษาสภาพรถไว้ได้ดีมากๆเช่นกัน
นอกจากหมึกย่างที่เป็นของคู่ชีวิตกันแล้วก็ต้องมีสายไหมหลากสีด้วยเช่นกัน
ทาน แล้วละลายในปากพร้อมๆกับให้รสหวานของน้ำตาลที่เด็กๆหลายๆคนไม่อาจปฎิเสธได้
ส่วนถ้าเป็นสายไหมที่ใช้ทานกับโรตีม้วน ก็มีการสาธิตวิธีการทำกันให้เห็นกันต่อหน้าต่อตา
จะให้ครบสูตร ก่อนซื้อโรตี ต้องวัดดวงกันเพิ่มอรรถรสในการซื้อโรตีด้วย
จ่าย เท่ากัน แต่ได้จำนวนตามดวงครับ . . .
เป็นเสน่ห์ของการซื้อขนมทานในอดีต ที่ปัจจุบันก็หาแทบไม่ได้แล้ว . . .
หรือจะทานขนมกันแบบจริงจังขึ้นมาอีกก็มีให้เลือกซื้อเลือกทานกันมากมาย
ซึ่ง ผมเองก็ไม่รอด ต้องขอชิมขนมปลากริมไข่เต่ากับเขาเหมือนกัน
ในอดีตขนม ชนิดนี้มีชื่อว่า ขนมแชงมา หรือ ขนมแฉ่งม้า
ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยรัชกาล ที่ 4
ไม่ดี ไม่อร่อยจริงคงไม่อยู่มาจนถึงทุกวันนี้
และขนมอื่นๆอีกมากมายที่เชื่อว่าทุกคนคงจะรู้จักกันดี
น้ำมะเน็ดไทยหรือน้ำหวานใส่น้ำโซดา
สีสรรที่อยู่คู่ตลาดโบราณมาช้านาน
ด้วย สีที่สวยงาม มันจึงดึงดูดความสนใจจากผู้คนที่เดินผ่านไปมาได้อย่างไม่ยากนัก
เวลาที่เราเห็นของที่เราเคยมี เคยผ่านตา แต่เมื่อปัจจุบันมันเลิกผลิตไปแล้ว
หรือ หาได้ยากมากขึ้น เรามักจะรู้สึกว่ามันมีค่าสูงกว่าเดิม . . .
ไม่ว่าจะ เป็นค่าทางมูลค่า หรือ ค่าทางใจ
ในขณะที่เราเห็นสิ่งไหนบ่อยๆ เห็นได้ง่าย หาได้ง่าย มันกลับกลายเป็นเรื่องเคยชิน ธรรมดา
และบ่อยครั้ง เราก็ลดคุณค่าของมันลงไปด้วยความคุ้นชินนั้น
ใน Yesterday Once More นั้น . . . เราอาจได้เห็นตลาด เห็นวันวานในอดีต
เสมือนว่าเรานั่งยาน ย้อนเวลากลับไปในอดีตนั้นได้
แต่ในชีวิตจริงนั้น เราไม่มียานย้อนเวลาที่ว่า . . . ทุกๆวินาทีจึงเป็นเรื่องของปัจจุบัน
ที่ เกิดขึ้นและไม่มีวันย้อนกลับมาได้อีก . . .
เพียงเสี้ยววินาทีเดียวช่วง เวลานั้นก็ผ่านไปอย่างถาวร. . .
เราจึงควรตระหนัก และใส่ใจกับ 'ทุกๆเรื่อง' ในชีวิตปัจจุบัน
มองให้เห็นคุณค่าของมัน ก่อนที่มันจะกลายเป็นอดีตที่เราไม่อาจจะย้อนกลับไปแก้ไขมันได้อีก
Seacon Square ได้จัดงาน
“Yesterday Once More”
ซึ่งเป็นงาน หวนรำลึกความสุข ความทรงจำ กับหลากหลายเรื่องราวความประทับใจ ร่วมสัมผัสเสน่ห์วิถีชีวิตชาวกรุง เมื่อ 40 ปี ก่อน ท่ามกลางบรรยากาศจำลอง ถนนราชดำเนินกลาง ศาลาเฉลิมไทย ภูเขาทอง ตลาด และร้านค้าในอดีต
ร้านกาแฟโบราณ ร้านขายของชำ ร้านถ่ายรูป ร้านตัดผม ร้านหนังสือ ห้องเรียน ที่ว่าการอำเภอ พร้อมของเก่าเก็บที่เต็มไปด้วยความสุขที่ไม่เคยจางหายของนักสะสมชื่อดัง ฯลฯ
มองวัน วานผ่านเลนส์
เริ่มกันด้วยภาพบรรยากาศแบบกว้างๆ
บรรยากาศในงานเป็นแบบเรียบง่าย ไม่มีอะไรหวือหวา
เดินแบบสบายๆ ไม่เป็นทางการ ไม่จริงจัง ไม่เบียดเสียด
พอเรียกบรรยากาศเก่าๆใน อดีตกลับมาให้หายคิดถึงได้
ร้านค้าต่างๆ ก็งัดเอาของเก่าย้อนยุค และของใหม่ที่ออกแบบให้ย้อนยุค
ออก มาขาย มาแสดงกันเต็มที่
สำหรับเด็กน้อยวัยซนเมื่อ 20-30 ปีก่อนต้องรู้จักสิ่งนี้
ผมไม่รู้ว่า ชื่อเรียกมันคืออะไร แต่มันเป็นไข่ที่อยู่ในตู้หยอดเหรียญ
หยอดแล้วหมุน ที่ตู้ เราก็จะได้ไข่มา 1 ฟอง
เปิดออกมาก็จะได้ลุ้นรางวัลกันว่าจะ ได้อะไร
ผมจำได้ว่า เป็นสิ่งที่ตื่นเต้น สร้างความสุขให้ผมได้ไม่น้อยในอดีต
ไม้ขีดรุ่นเก่า และของเก่ามากมาย วางเรียงราย ให้ชมกันตลอดงาน
จากของใช้ทั่วไปที่ไม่มีใครสนใจ เมื่อเวลาผ่านไป ก็เริ่มหายากและกลายเป็นของมีค่าน่าสะสม
ระหว่างที่เดินชมงาน เราก็จะได้ยินเสียงเพลงเก่าๆ เคล้าบรรยากาศไปตลอดงาน
ร้านตัดผม ที่มาให้บริการตัดกันจริงๆในราคาย่อมเยา
เห็นแล้วก็ย้อนกลับไปคิดถึงสมัยที่ตัวผมเองวิ่งเล่นอยู่แถว 'หน้าเก๋ง' ชลบุรี
ผมเองก็มีร้านตัดผมลักษณะนี้เป็นร้านประจำอยู่ที่นั่นเหมือนกัน
บรรยากาศไม่แตกต่างจากภาพที่เห็นนี้เลย
การได้มาเห็นสัมผัสบรรยากาศแบบนี้อีกครั้ง ก็เติมความสุขให้ชีวิตผมได้อย่างไม่ยากเย็น
วิถีชาวบ้านในสมัยก่อน กับการเดินเที่ยวตลาดนี่ขาดไม่ได้เลยคือ หมึกย่าง ครับ
หอม เหนียวนุ่ม เคี้ยวกันเพลินดูหนังกางแปลงไปด้วย
สุขใจมาก
ร้านค้าในอดีต ที่ขายของเล่นและขนมนานาชนิด
ที่ทุกๆคนต้องหยุดแวะเข้ามาเลือกซื้อเลือกชม
ไม่ว่าจะเด็ก ไปจนถึงผู้ใหญ่หัวใจเด็กทุกคน
ต่างได้รับความสุขกันไปต่างวัย ต่างมุมมอง
เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปสู่วันวานอีกครั้ง
และสุดยอดของเก่าที่มีชื่อเสียง ก็คือเจ้าก้อนพลังงานที่สวยและ classic แห่งยุคอดีต
ถ่านไฟฉายตรากบ นั่นเอง. . .
หนึ่งในลูกอม คู่ปาก คู่ลิ้นของคนทุกเพศทุกวัยในยุคก่อน
ก็ต้องมีชื่อของ ฮอลล์ อยู่ด้วย กับ packaging ที่ถือว่า classic ตลอดกาลกับใบหน้าของสาวคนนี้ที่กลาย
เป็น icon ของฮอล์ลไปแล้ว
และของใช้ในอดีต อื่นๆอีกมากมาย
เดินผ่านมาอีกนิดก็พบกับ ตู้ไม้จัดแสดงยาสูบในยุคโบราณ
ที่ผมเชื่อ ว่านักถุนยารุ่นเก๋าต้องเคยผ่านตา ผ่านปอด กันมาแล้ว
ปัจจุบันเรามี ipod, iphone, ipad ที่ให้เราเสพสื่อกันแบบ Multi-media
แต่ ในอดีตนั้น ความสุขหลักๆก็มาจากเจ้าวิทยุหน้าตาและอารมณ์ประมาณนี้ครับ
หมุน หาคลื่นและหาตำแหน่งกัน ชัดบ้างไม่ชัดบ้าง เฝ้ารอฟังเพลงโปรดที่เราหาซื้อแผ่นเสียงไม่ได้
ความสุขจากเสียงดนตรีที่ เราได้ยินและร้องตามไปด้วย จากวิทยุหน้าตาโบราณแบบนี้. . . หาได้ยากมากแล้วในปัจจุบัน
ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง
ในยุคนี้ สาวๆแค่เข้า youtube ก็ได้เห็นวิธีแต่งหน้า แต่งตัว กันแบบครบถ้วน สะดวกง่ายดาย
แต่ใน สมัยก่อนต้องอาศัยตำรากันแบบนี้ครับ
'ผดุงโฉม โน้มเสน่ห์'
โทรศัพท์มือหมุน ไม่ใช่มือถือ . . .
เวลารีบๆนี่หมุนเบอร์และกระแทกนิ้ว กันไม่ทันใจที่ร้อนรนเลยทีเดียวเชียว
บรรยากาศในงานโดยรวม เราจะเห็นแต่ของเก่า ที่เก่าจริงๆ
จะมีก็เพียงเจ้า นี่ล่ะครับ ที่ตัวรุ่นน่ะเก่า แต่สภาพนี่มัน New Old Stock ชัดๆ
เนี๊ยบ สวย classic มากๆ
มันคือ Alfa Romeo สุดเท่ห์นั่นเอง
classic มาก . . . และเจ้าของก็รักษาสภาพรถไว้ได้ดีมากๆเช่นกัน
นอกจากหมึกย่างที่เป็นของคู่ชีวิตกันแล้วก็ต้องมีสายไหมหลากสีด้วยเช่นกัน
ทาน แล้วละลายในปากพร้อมๆกับให้รสหวานของน้ำตาลที่เด็กๆหลายๆคนไม่อาจปฎิเสธได้
ส่วนถ้าเป็นสายไหมที่ใช้ทานกับโรตีม้วน ก็มีการสาธิตวิธีการทำกันให้เห็นกันต่อหน้าต่อตา
จะให้ครบสูตร ก่อนซื้อโรตี ต้องวัดดวงกันเพิ่มอรรถรสในการซื้อโรตีด้วย
จ่าย เท่ากัน แต่ได้จำนวนตามดวงครับ . . .
เป็นเสน่ห์ของการซื้อขนมทานในอดีต ที่ปัจจุบันก็หาแทบไม่ได้แล้ว . . .
หรือจะทานขนมกันแบบจริงจังขึ้นมาอีกก็มีให้เลือกซื้อเลือกทานกันมากมาย
ซึ่ง ผมเองก็ไม่รอด ต้องขอชิมขนมปลากริมไข่เต่ากับเขาเหมือนกัน
ในอดีตขนม ชนิดนี้มีชื่อว่า ขนมแชงมา หรือ ขนมแฉ่งม้า
ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยรัชกาล ที่ 4
ไม่ดี ไม่อร่อยจริงคงไม่อยู่มาจนถึงทุกวันนี้
และขนมอื่นๆอีกมากมายที่เชื่อว่าทุกคนคงจะรู้จักกันดี
น้ำมะเน็ดไทยหรือน้ำหวานใส่น้ำโซดา
สีสรรที่อยู่คู่ตลาดโบราณมาช้านาน
ด้วย สีที่สวยงาม มันจึงดึงดูดความสนใจจากผู้คนที่เดินผ่านไปมาได้อย่างไม่ยากนัก
เวลาที่เราเห็นของที่เราเคยมี เคยผ่านตา แต่เมื่อปัจจุบันมันเลิกผลิตไปแล้ว
หรือ หาได้ยากมากขึ้น เรามักจะรู้สึกว่ามันมีค่าสูงกว่าเดิม . . .
ไม่ว่าจะ เป็นค่าทางมูลค่า หรือ ค่าทางใจ
ในขณะที่เราเห็นสิ่งไหนบ่อยๆ เห็นได้ง่าย หาได้ง่าย มันกลับกลายเป็นเรื่องเคยชิน ธรรมดา
และบ่อยครั้ง เราก็ลดคุณค่าของมันลงไปด้วยความคุ้นชินนั้น
ใน Yesterday Once More นั้น . . . เราอาจได้เห็นตลาด เห็นวันวานในอดีต
เสมือนว่าเรานั่งยาน ย้อนเวลากลับไปในอดีตนั้นได้
แต่ในชีวิตจริงนั้น เราไม่มียานย้อนเวลาที่ว่า . . . ทุกๆวินาทีจึงเป็นเรื่องของปัจจุบัน
ที่ เกิดขึ้นและไม่มีวันย้อนกลับมาได้อีก . . .
เพียงเสี้ยววินาทีเดียวช่วง เวลานั้นก็ผ่านไปอย่างถาวร. . .
เราจึงควรตระหนัก และใส่ใจกับ 'ทุกๆเรื่อง' ในชีวิตปัจจุบัน
มองให้เห็นคุณค่าของมัน ก่อนที่มันจะกลายเป็นอดีตที่เราไม่อาจจะย้อนกลับไปแก้ไขมันได้อีก
Seacon Pet Planet 2010
0
comments |
This entry was posted on July 8, 2010
ยิงนกอย่างไร ไม่บาป ?
คำ ตอบคือต้องใช้อาวุธให้ถูกครับ . . .
ซีคอนสแควร์ ร่วมกับ สวนนกชัยนาท เนรมิตกรงนกยักษ์กลางศูนย์การค้า “Seacon Pet Planet”
วัน ที่ 5-13 มิถุนายน 2553 ครับ ผมก็ไปฝึกถ่ายรูปตามระเบียบ . . .
โดย ปรกติแล้วผมไม่ใช่คนชอบเลี้ยงสัตว์ครับ ดังนั้นข้อมูลในหัวเกี่ยวกับสัตว์นี่ไม่มีเลย
ยิ่งเรื่องนกแล้วนี่ ถ้าพูดถึงในแง่ของการถ่ายรูปแล้ว ผมยกให้เป็นสุดยอดแห่งความยากและความเพียรเลย . . . นอกจากต้องมีอุปกรณ์ที่ เหมาะสม, มีฝีมือในการถ่ายภาพแล้ว ต้องมีความอดทน มีความเพียรสูงมาก
เพราะนกเป็นสิ่งมีชีวิต ที่ประสาทไวมากและขยับตัวเร็ว
การถ่ายรูปนกในธรรมชาตินั้น ต้องเข้าใจธรรมชาติของนกที่จะถ่ายให้ดีก่อน
ต้องอดทน ต้องกลมกลืน ต้องสงบนิ่ง และต้องวางแผนการ shoot ให้ดี
แต่นกที่นำมาจัดแสดงใน งานนี้ เป็นประเภทไม่กลัวคนครับ
ไม่บินหนี ซึ่งทำให้ถ่ายรูปได้ง่ายขึ้น แต่ก็ยังยากมากสำหรับผมอยู่ดี
ข้อมูลบอกว่า นกที่เห็นนี้เป็นนกหายากและนกใกล้ศูนย์พันธุ์
ซึ่งเปิดให้ชมฟรีครับ . . . น่าจะเป็นการเตือนให้ผู้ชมรู้ว่า ถ้าไม่ร่วมกันรักษาไว้ เราอาจจะไม่ได้เห็นมันอีกในอนาคตอันใกล้ แต่การขนย้ายสัตว์ไปโชว์ตัวตาม ที่ต่างๆแบบนี้ ผมไม่แน่ใจว่าเป็นการทำลายมันทางอ้อมหรือเปล่า?
นกอะไรเป็นนกอะไรผมก็รู้ เลย
รู้แต่ว่า ถ่ายยากชมัด !!!
ไหนจะสภาพแสงที่อึมครึม ไหนจะการขยับตัวของนก ไหนจะผู้เข้าชมงานมากมาย
'ดูอะไรกันมากมายฟระ? ไม่เคยเห็นนกหรือยังไง . . . เฮ้อ ไปดีกว่า'
ว่าแล้วมันก็สะบัดก้นเดิน จากไป
ตัวนี้ขนสวยมาก . . . สูง สง่า หรูหรา
ผมชอบช่วงเวลาที่มันขยับตัว ขนช่วงคอจะเห็นมิติที่สวยมาก
'เอ้าดูกันเข้าไป หลับดีกว่า . . . '
ครั้งนี้ นก ถูกนำมาจัดแสดงให้ถ่ายรูปกันง่ายๆ ยังถ่ายยากขนาดนี้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ถ้าเราต้องเป็นฝ่ายเดินทางเข้าไปหานกเพื่อถ่ายรูป จะยากลำบากขนาดไหน . . .
คำ ตอบคือต้องใช้อาวุธให้ถูกครับ . . .
ซีคอนสแควร์ ร่วมกับ สวนนกชัยนาท เนรมิตกรงนกยักษ์กลางศูนย์การค้า “Seacon Pet Planet”
วัน ที่ 5-13 มิถุนายน 2553 ครับ ผมก็ไปฝึกถ่ายรูปตามระเบียบ . . .
โดย ปรกติแล้วผมไม่ใช่คนชอบเลี้ยงสัตว์ครับ ดังนั้นข้อมูลในหัวเกี่ยวกับสัตว์นี่ไม่มีเลย
ยิ่งเรื่องนกแล้วนี่ ถ้าพูดถึงในแง่ของการถ่ายรูปแล้ว ผมยกให้เป็นสุดยอดแห่งความยากและความเพียรเลย . . . นอกจากต้องมีอุปกรณ์ที่ เหมาะสม, มีฝีมือในการถ่ายภาพแล้ว ต้องมีความอดทน มีความเพียรสูงมาก
เพราะนกเป็นสิ่งมีชีวิต ที่ประสาทไวมากและขยับตัวเร็ว
การถ่ายรูปนกในธรรมชาตินั้น ต้องเข้าใจธรรมชาติของนกที่จะถ่ายให้ดีก่อน
ต้องอดทน ต้องกลมกลืน ต้องสงบนิ่ง และต้องวางแผนการ shoot ให้ดี
แต่นกที่นำมาจัดแสดงใน งานนี้ เป็นประเภทไม่กลัวคนครับ
ไม่บินหนี ซึ่งทำให้ถ่ายรูปได้ง่ายขึ้น แต่ก็ยังยากมากสำหรับผมอยู่ดี
ข้อมูลบอกว่า นกที่เห็นนี้เป็นนกหายากและนกใกล้ศูนย์พันธุ์
ซึ่งเปิดให้ชมฟรีครับ . . . น่าจะเป็นการเตือนให้ผู้ชมรู้ว่า ถ้าไม่ร่วมกันรักษาไว้ เราอาจจะไม่ได้เห็นมันอีกในอนาคตอันใกล้ แต่การขนย้ายสัตว์ไปโชว์ตัวตาม ที่ต่างๆแบบนี้ ผมไม่แน่ใจว่าเป็นการทำลายมันทางอ้อมหรือเปล่า?
นกอะไรเป็นนกอะไรผมก็รู้ เลย
รู้แต่ว่า ถ่ายยากชมัด !!!
ไหนจะสภาพแสงที่อึมครึม ไหนจะการขยับตัวของนก ไหนจะผู้เข้าชมงานมากมาย
'ดูอะไรกันมากมายฟระ? ไม่เคยเห็นนกหรือยังไง . . . เฮ้อ ไปดีกว่า'
ว่าแล้วมันก็สะบัดก้นเดิน จากไป
ตัวนี้ขนสวยมาก . . . สูง สง่า หรูหรา
ผมชอบช่วงเวลาที่มันขยับตัว ขนช่วงคอจะเห็นมิติที่สวยมาก
'เอ้าดูกันเข้าไป หลับดีกว่า . . . '
ครั้งนี้ นก ถูกนำมาจัดแสดงให้ถ่ายรูปกันง่ายๆ ยังถ่ายยากขนาดนี้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ถ้าเราต้องเป็นฝ่ายเดินทางเข้าไปหานกเพื่อถ่ายรูป จะยากลำบากขนาดไหน . . .