Central World
0
comments |
This entry was posted on May 27, 2010
ผมเชื่อว่านักดนตรีทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักดนตรีอาชีพ, สมัครเล่น หรือ เล่นดนตรีเป็นงานอดิเรก
ล้วนแล้วแต่มีความผูกพันธ์กับร้านเครื่องดนตรีแทบทุกร้าน . . .
เมื่อพูดถึงร้านเครื่องดนตรี . . .
สถานที่ที่เป็นแหล่งรวมร้านขายเครื่องดนตรีนอกจากเวิ้งนาครเกษมแล้ว ก็เห็นจะเป็นที่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่กลางใจเมืองแห่งนี้ ที่เดินทางไปมาสะดวกและมีร้านขายเครื่องดนตรีรวมอยู่ภายในห้างด้วยกันถึง 4 ร้าน . . .
ผมเองคิดอยู่เสมอว่า ตนเองไม่ใช่ทั้งนักดนตรีและนักสะสม เพราะขาดคุณสมบัติที่พึงมีทุกประการ แต่ก็มีความรักความผูกพันธ์กับเครื่องดนตรีอยู่ไม่น้อย เรียกว่าเป็นคนรักดนตรี (music lover) ก็น่าจะพอเรียกได้ . . . และแน่นอนว่าเครื่องดนตรีที่ผมรักและผูกพันธ์มากที่สุดก็คือ 'กีต้าร์'
จากเหตุการณ์จลาจลครั้งใหญ่ที่ผ่านมา เรา . . .ผู้ที่มีความรักในดนตรีและกีต้าร์ทุกคนล้วนแล้วแต่ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า หนึ่งในบาดแผลที่สะเทือนใจที่ยากที่จะลืมก็คือ การถล่มของอาคาร Central World จากการถูกเผาเป็นเวลากว่า 10 ชม. ด้วยน้ำมือของคนไทยด้วยกันเอง . . .
ผมเองแม้ไม่ได้ซื้ออุปกรณ์ดนตรีจากร้านขายเครื่องดนตรีใน Central World บ่อยนัก แต่แทบทุกครั้งที่แวะไปที่ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ ก็มักจะเดินผ่านไปดู ไปชม เครื่องดนตรีจากร้านค้าเหล่านี้อยู่เสมอ
ส่วนมากแล้วผมมักใช้เวลาไปกับการนั่งทานอาหาร หรือ เครื่องดื่ม จากร้านค้ามากมายภายในนั้น
ยอมรับว่ามีความผูกพันธ์กับ Central World อยู่ไม่น้อย . . .
Central World ที่แม้เป็นเพียงสถาปัตยกรรมที่ไร้ชีวิตในโลกวิทยาศาสตร์ แต่ผมรู้สึกว่าเขามีชีวิตในโลกของจินตนาการเสมอ ผมมองเขาเหมือนเพื่อนคนหนึ่งที่เรารู้จักมาเป็นเวลานาน เห็นการเปลี่ยนแปลง เติบโตขึ้นมาพร้อมๆกับเรา . . . ตั้งแต่สมัยผมเป็นเป็นนิสิตแถวๆนั้น เรียนในคณะที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบอาคารและสภาพแวดล้อม จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ก็เป็นเวลานับสิบปีที่รู้จักคุ้นเคยกันมา เมื่อเกิดเหตุร้ายขึ้นกับที่นี่ ก็ตกใจ และ เสียใจกับสิ่งที่ผมไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริง
ตั้งแต่การจราจรถูกปิดลง ผมเองก็ไม่มีโอกาสได้แวะเวียนไปใกล้บริเวณ 4 แยกราชประสงค์เลย
จนกระทั่งเมื่อวานนี้ที่พอจะมีจังหวะเวลา ผมจึงได้กลับไปเยี่ยม 'เพื่อน' คนนี้อีกครั้ง . . .
แม้ว่าเราจะได้เห็นภาพข่าวการถล่มของ Central World ผ่านทางโทรทัศน์ไปบ้างแล้ว
แต่ผมก็รู้สึกอยากไปดู ไปเห็นด้วยตาตัวเองมากกว่า . . .คงเพราะความผูกพันธ์กับที่แห่งนี้มานาน จึงตัดสินใจเดินทางไปอย่างไม่ลังเล ผมเดินทางไปด้วย BTS ลงสถานีชิดลมอย่างคุ้นเคย และแค่เพียงก้าวออกจากรถ BTS ภาพที่มองเห็นก็ชวนให้หดหู่ใจอยู่ไม่น้อยแม้ว่าจะเป็นภาพจากระยะไกล . . .
เดินออกจากสถานีชิดลม มุ่งหน้าตรงไปยัง Central World ก็พบว่าทางเดินลอยฟ้าที่สามารถเดินไปถึงสยามได้นั้นถูกปิด ทำให้ต้องลงมาเดินที่ริมถนนด้านล่าง ผมเดินเลาะมาเรื่อยๆก็พบกับ
ตึกเกสรพลาซ่าที่ผมไม่ได้ยินข่าวความเสียหายอะไร แต่ก็มาสะดุดเอากับรอยร้าวของกระจกมากมายอย่างคิดไม่ถึง . . . เห็นแล้วก็หดหู่ และ ไม่เข้าใจถึงจิตใจของผู้ที่ลงมือกระทำจริงๆ
เมื่อยืนอยู่หน้าเกสรพลาซ่า หันมองไปที่ฝั่งตรงข้าม ผมก็ได้พบกับ 'เพื่อน' คนเดิมอีกครั้ง
เพียงแต่ครั้งนี้ เขาไม่อยู่ในสภาพที่แข็งแรงเหมือนเคย . . .
ผมทำได้แค่เพียงถอนหายใจ พูดอะไรไม่ออก ยืนนิ่งและมองเขาอยู่นานกว่าที่จะยกกล้องขึ้นกด shutter
กลิ่นควันและขี้เถ้าตลบอบอวลชวนอึดอัด และ หดหู่ไปพร้อมๆกัน
ผมถ่ายรูปได้น้อยกว่าที่ตั้งใจไว้มาก ส่วนมากจะยืนมองซะมากกว่า ด้วยเพราะภาพเบื้องหน้าที่เห็นนั้นให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากการเห็นจากภาพถ่ายหรือภาพข่าวในโทรทัศน์อย่างสิ้นเชิง
มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย . . . ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของอาคารที่ถูกวางเพลิงในมุมเดียว
แต่หมายรวมถึงปัญหาซ้อนทับมากมายที่เกิดขึ้น . . . มันน่ากลัว มันน่าเศร้า และหดหู่
เมื่อใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง มนุษย์มักจะขาดสติในการไตร่ตรองก่อนที่จะกระทำการใดๆเสมอ
และที่เลวร้ายที่สุดก็คือ เหตุการณ์เลวร้ายในครั้งนี้ เกิดจากการต่อสู้ของคนไทยด้วยกันเอง . . .
คงไม่มีอะไรน่าเศร้าใจไปกว่า การได้เห็นคนไทยทำร้ายกันเอง
ผมไม่รู้ว่า บทเรียนที่ผ่านมาในอดีต และบทเรียนที่หนักหนาสาหัสในครั้งนี้นั้น
จะสอนอะไรให้กับคนไทยได้มากน้อยแค่ไหน?
เรารับรู้ เราบันทึกภาพ . . . แต่เราจะจดจำมันได้นานแค่ไหน?
ว่า . . . ท้ายที่สุดนั้น . . . เราทุกคนล้วนแต่เป็นผู้แพ้
ผมเดินลัดเลาะมาตามถนนเพื่อที่จะมุ่งหน้าไปยังสยามแสควร์
ตลอดทางเดินนั้น มีรั้ว metal sheet กั้นตลอดทาง และไม่ว่าจะเงยหน้าขึ้นมองไปที่ Central World ในมุมไหน ก็เห็นแต่บาดแผลที่น่าสลดใจทุกๆครั้ง
สิ่งก่อสร้าง อาจปรับปรุงและสร้างขึ้นใหม่ได้ด้วยความรู้ ด้วยเทคโนโลยี ที่ทันสมัย
แต่ใจของคนไทยทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงนั้น . . . ยากนักที่จะเยียวยา
ผมไม่รู้เลยว่าทางออกที่ดีและได้ผลที่สุดคืออะไร นอกจากหวังว่า คนไทยจะรักและให้อภัยกันให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
หากเราครองสติได้มั่นในทุกขณะจิต ไม่ว่าจะกระทำอะไรในชีวิตประจำวัน
กรุงเทพฯ หรือที่ไหนๆในประเทศไทยคงจะไม่ตกอยู่ในทะเลเพลิงอีกครั้ง . . .
ผมเชื่อว่าประเทศไทย ยังไม่หมดลมหายใจ และพร้อมที่จะเดินหน้าต่อไปในวันข้างหน้า . . . วันที่ฟ้าเปิด วันที่สดใส
วันที่คนไทยทุกคนร่วมกันพาประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าและเดินไปพร้อมๆกัน
"ประเทศเข้าสู่สภาวะ “อนาธิปไตย” ที่กฎหมายไม่มีผลในทางปฏิบัติ บ้านเมืองไร้ขื่อแป
สภาวะเช่นนี้ ควรจะเป็นบทเรียนสำคัญที่คนไทยต้องเรียนรู้ร่วมกันว่า
ในอนาคตจะต้องไม่มีปฏิบัติการนอกกฎหมายเช่นนี้เกิดขึ้นอีก"
(ว.วชิรเมธี)
ขอไว้อาลัยให้กับผู้สูญเสียทุกๆคน และขออโหสิกรรมให้กับผู้หลงผิด คิดผิด
'ให้อภัย' คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเวลานี้ . . .
lumix 7-14 / F4.0
0
comments |
This entry was posted on May 24, 2010
Give myself the 2010 birthday gift with this wide angle len from Panasonic.
Rama9 Garden
0
comments |
This entry was posted on May 16, 2010
นานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่ผมไม่ได้มาที่นี่ . . . ทั้งที่มันอยู่ไม่ไกลจากบ้านผมนัก
อาจเป็นเพราะชีวิตที่เร่งรีบ วุ่นวาย ตามวิถีของคนที่ต้องดิ้นรนอยู่ในเมืองหลวง
ทำให้ผมลืมไปว่ายังมีสถานที่ท่องเที่ยวชั้นดี สถานที่ที่ให้อากาศที่บริสทุธ์ ที่หลายคนรวมทั้งผมต้องรู้จัก แต่อาจจะลืมเลือนไปบ้าง คิดได้แล้วก็แว๊บเข้าไปสูดลมหายใจแรงๆสักหลายๆฟอด พร้อมกับถ่ายรูปติดมือกลับมาด้วย
ผมไปถึงที่นั่นหลัง 5 โมงเย็นไปแล้ว (เข้าฟรี)
พบคนมากหน้าหลายตา มาพักผ่อน และส่วนมาก มาออกกำลังกายกันที่นี่
เห็นแล้วชื่นใจครับ ยังมีคนที่รักสุขภาพอยู่อีกมาก . . . เป็นการเตือนสติให้ตัวผมเองได้อย่างดีว่าอย่ามัวแต่นั่งหน้า keyboard นานเกินไป
ออกไปถ่ายรูปบ้าง เดินเล่นบ้าง ออกกำลังกายบ้าง
ให้หัวใจได้สูบฉีด สุขภาพจะได้ไม่ทรุดโทรมเร็วกว่ากำหนด
สถานที่ที่ผมกำลังพูดถึงก็คือ สวนหลวง ร.9 นั่นเอง . . .
จุดเด่นที่สุดของ สวนหลวง ร.9 ก็คงจะหนีไม่พ้น
หอรัชมงคล - อาคารรูปเก้าเหลี่ยมด้านเท่า หลังคาโครงสูง
ประกอบด้วยกระเบื้องเคลือบสีเหลืองทอง อันเป็นสีวันพระราชสมภพ
เป็นศิลปกรรมประยุกต์แห่งสมัยรัตนโกสินทร์ นั่นเอง
ตั้งอยู่ริมแม่น้ำขนาดใหญ่ ซึ่งผมว่าใครถือกล้องไป ก็ต้องถ่ายมุมนี้ล่ะครับ
จะถีบเอง หรือ จะให้มีคนพายให้ ก็ตามสะดวก
เรือแจว สีเหลืองสด เข้ากับ tone ของรูปพอดี
เรือถีบ ที่ผมคิดว่า น่าจะมีอายุเท่ากับสวนหลวง ร.9 นั่นเองครับ
เพราะจำความได้ว่า เห็นตั้งแต่ช่วงแรกที่สวนเปิดให้เข้าใช้เลยครับ
เป็ด - ห่าน มากมาย ลอยอยู่ผิวน้ำ
รอคนไป 'ถีบ'
ที่นี่ ไม่มีกฎห้ามทำร้ายสัตว์ . . . ใครอารมณ์เสียมาจากข้างนอก สามารถเข้ามาถีบเป็ดถีบห่านกันได้ เอาให้พอใจ ถีบเสร็จแล้วร่างกายแข็งแรง อารมณ์ดี อากาศสดชื่น กลับบ้านไปหายหงุดหงิด :D
สถาปัตยกรรมไทย ก็ละเอียดอ่อนสวยงาม กลางสระบัวที่ดูกี่ทีก็ classic สอดรับกับฉากหลังที่พระอาทิตย์กำลังจากไปด้วยแสงสีเหลืองส้มที่ดูแล้วน่าเกรงขามและทรงพลัง
ปิดท้ายด้วยรูปแบบ 16:9 . . . ผมชอบรูปนี้เป็นพิเศษ เพราะดูแล้วคิดถึงอดีต . . . ดูเก่า ดูเหมือนวันวาน ทั้งที่พึ่งถ่ายเมื่อวาน (แต่เมื่อวานก็เป็นวันวานแล้วนี่)
บางที ชีวิตเราอาจจะถูกวิธีสังคม เร่งเร้าให้เร่งรีบกันตลอดเวลา
เร่งรีบและ ก้าวไปข้างหน้า ให้ทันยุค ทันสมัย เพื่อความก้าวหน้าของตน
แต่การก้าวไป ข้างหน้าอย่างเร่งรีบ อาจไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกอย่าง
อีกหลายครั้ง . . ที่การ 'หยุด' ทำให้เห็นภาพรวมได้ละเอียดและชัดเจน. . .
ยิ่งเห็นภาพได้ ชัดขึ้น ได้กว้างขึ้น ก็ยิ่งเห็น 'ทางไปต่อ' ได้ง่ายและมั่นคงยิ่งขึ้น
จะ เป็นไรไป ถ้าเราจะ 'หยุด' หรือ แม้แต่ 'ถอย' กันสักคนละก้าว
เพื่อให้ เห็นภาพรวมและทางไปต่อที่สดใสและสวยงาม. . . ร่วมกัน . . .
อาจเป็นเพราะชีวิตที่เร่งรีบ วุ่นวาย ตามวิถีของคนที่ต้องดิ้นรนอยู่ในเมืองหลวง
ทำให้ผมลืมไปว่ายังมีสถานที่ท่องเที่ยวชั้นดี สถานที่ที่ให้อากาศที่บริสทุธ์ ที่หลายคนรวมทั้งผมต้องรู้จัก แต่อาจจะลืมเลือนไปบ้าง คิดได้แล้วก็แว๊บเข้าไปสูดลมหายใจแรงๆสักหลายๆฟอด พร้อมกับถ่ายรูปติดมือกลับมาด้วย
ผมไปถึงที่นั่นหลัง 5 โมงเย็นไปแล้ว (เข้าฟรี)
พบคนมากหน้าหลายตา มาพักผ่อน และส่วนมาก มาออกกำลังกายกันที่นี่
เห็นแล้วชื่นใจครับ ยังมีคนที่รักสุขภาพอยู่อีกมาก . . . เป็นการเตือนสติให้ตัวผมเองได้อย่างดีว่าอย่ามัวแต่นั่งหน้า keyboard นานเกินไป
ออกไปถ่ายรูปบ้าง เดินเล่นบ้าง ออกกำลังกายบ้าง
ให้หัวใจได้สูบฉีด สุขภาพจะได้ไม่ทรุดโทรมเร็วกว่ากำหนด
สถานที่ที่ผมกำลังพูดถึงก็คือ สวนหลวง ร.9 นั่นเอง . . .
จุดเด่นที่สุดของ สวนหลวง ร.9 ก็คงจะหนีไม่พ้น
หอรัชมงคล - อาคารรูปเก้าเหลี่ยมด้านเท่า หลังคาโครงสูง
ประกอบด้วยกระเบื้องเคลือบสีเหลืองทอง อันเป็นสีวันพระราชสมภพ
เป็นศิลปกรรมประยุกต์แห่งสมัยรัตนโกสินทร์ นั่นเอง
ตั้งอยู่ริมแม่น้ำขนาดใหญ่ ซึ่งผมว่าใครถือกล้องไป ก็ต้องถ่ายมุมนี้ล่ะครับ
จะถีบเอง หรือ จะให้มีคนพายให้ ก็ตามสะดวก
เรือแจว สีเหลืองสด เข้ากับ tone ของรูปพอดี
เรือถีบ ที่ผมคิดว่า น่าจะมีอายุเท่ากับสวนหลวง ร.9 นั่นเองครับ
เพราะจำความได้ว่า เห็นตั้งแต่ช่วงแรกที่สวนเปิดให้เข้าใช้เลยครับ
เป็ด - ห่าน มากมาย ลอยอยู่ผิวน้ำ
รอคนไป 'ถีบ'
ที่นี่ ไม่มีกฎห้ามทำร้ายสัตว์ . . . ใครอารมณ์เสียมาจากข้างนอก สามารถเข้ามาถีบเป็ดถีบห่านกันได้ เอาให้พอใจ ถีบเสร็จแล้วร่างกายแข็งแรง อารมณ์ดี อากาศสดชื่น กลับบ้านไปหายหงุดหงิด :D
สถาปัตยกรรมไทย ก็ละเอียดอ่อนสวยงาม กลางสระบัวที่ดูกี่ทีก็ classic สอดรับกับฉากหลังที่พระอาทิตย์กำลังจากไปด้วยแสงสีเหลืองส้มที่ดูแล้วน่าเกรงขามและทรงพลัง
ปิดท้ายด้วยรูปแบบ 16:9 . . . ผมชอบรูปนี้เป็นพิเศษ เพราะดูแล้วคิดถึงอดีต . . . ดูเก่า ดูเหมือนวันวาน ทั้งที่พึ่งถ่ายเมื่อวาน (แต่เมื่อวานก็เป็นวันวานแล้วนี่)
บางที ชีวิตเราอาจจะถูกวิธีสังคม เร่งเร้าให้เร่งรีบกันตลอดเวลา
เร่งรีบและ ก้าวไปข้างหน้า ให้ทันยุค ทันสมัย เพื่อความก้าวหน้าของตน
แต่การก้าวไป ข้างหน้าอย่างเร่งรีบ อาจไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกอย่าง
อีกหลายครั้ง . . ที่การ 'หยุด' ทำให้เห็นภาพรวมได้ละเอียดและชัดเจน. . .
ยิ่งเห็นภาพได้ ชัดขึ้น ได้กว้างขึ้น ก็ยิ่งเห็น 'ทางไปต่อ' ได้ง่ายและมั่นคงยิ่งขึ้น
จะ เป็นไรไป ถ้าเราจะ 'หยุด' หรือ แม้แต่ 'ถอย' กันสักคนละก้าว
เพื่อให้ เห็นภาพรวมและทางไปต่อที่สดใสและสวยงาม. . . ร่วมกัน . . .