หากจะเปรียบเวที The Voice เป็นเสมือนห้องครัว
รอบ blind audition เป็นเสมือนการออกไปจ่ายตลาด หาซื้อวัตถุดิบ ปล่อยโค้ชทั้ง 4 คนเข้าไปเดินในตลาดเดียวกัน . . .
Stamp
เป็นพ่อครัวที่ทำอาหารด้วยใจ
คือ ขายความชอบ ความพอใจของตัวเอง . . . หากเราไม่ชอบ ไม่รักอาหารที่เราปรุงเสียก่อน จะเอาไปให้คนอื่นทานแล้วรู้สึกชอบได้อย่างไร ดังนั้น เขาชอบคนไหน ชอบแบบไหน คิด+รู้สึกว่าแบบไหน 'อร่อย' เขาจึงจะเสริฟให้คนดูได้ชิม . . . อาหารแบบนี้ ทานแล้วอร่อยและสัมผัสได้ด้วยใจทันที
เจนนิเฟอร์ คิ้ม
เป็นแม่ครัวที่มีประสบการณืในการชิมอาหารมายาวนาน
รู้ว่าอาหารไหนดี ไม่ดี วัตถุดิบไหนชั้นสูง . . . พอเดินเข้าตลาด (รอบ Blind) แกก็เน้นเลือกวัตถุดิบระดับ 5 ดาวไว้ทั้งหมด ด้วยความที่ลิ้นของแกชิมอาหารมาแล้วทุกระดับ เลยรู้ว่าวัตถุดิบไหน grade ดีไม่ดีอย่างไร . . .
แต่คนชิมอาหารเก่ง ไม่ได้แปลว่า ปรุงอาหารเก่งเสมอไป
พอถึงเวลาเข้าครัว แกพยายามปรุงอาหารให้เลิศหรู อลังการ จนลืมคิดไปถึงความรู้สึกของคนชิมด้วย . . . อาหารที่แกปรุงออกมาจึงเหมือนอาหารที่พยายามปรุงแต่งให้ดูเลิศหรูอลังการ เป็น fusion food คือมี design ใส่เข้าไประยิบระยับ แต่รสชาติไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ . . . ตักเข้าปากไปเนี่ย รู้สึกได้ว่าวัตถุดิบที่นำมาปรุงนั้น ของดีทั้งนั้น แต่รสชาติไม่ค่อยถูกปากคนชิมนัก
ก้อง นูโว
เหมือนพ่อครัวที่ขลุกอยู่ในครัวมายาวนาน . . . เข้าใจวัตถุดิบ เข้าใจส่วนผสม และเข้าใจรสนิยมของลูกค้า (ผู้ชิม-ผู้ชม) เดินเข้าตลาดไปจับจ่ายวัตถุดิบ อาจจะไปแย่งวัตถุดิบชั้นดีไม่ทันพ่อครัวแม่ครัวคนอื่น แต่พ่อครัวที่เข้าใจคำว่า live show เพราะเข้าครัวมานาน (เล่น concert มานาน) ก็จะเข้าใจในศักยภาพของวัตถุดิบที่ตัวเองมี อาจไม่เลิศหรูอลังการเท่าคนอื่นๆ แต่พี่แกปรุงอาหารด้วยความเข้าใจ รสชาติจึงออกมาถูกปากไม่น้อย
ส่วนนึงก็ต้องยก credit ให้กบด้วย เพราะถือเป็นผู้ช่วยพ่อครัวที่หาตัวจับยาก import มาจาก boston กันเลยทีเดียว
Joey Boy
เป็นพ่อครัวที่เน้นอาหารเท่ห์ กิ๊บเก๋ และกล้าได้กล้าเสีย
ไปวัดกันตอนทำเสร็จไปเลย เอาโน่น ผสมนั่น ผสมนี่ โดยคิดว่ามันน่าจะดี ลูกค้า (ผู้ชิม-ผู้ชม) น่าจะชอบ
ด้วยความที่ชอบทดลอง รสชาติจึงออกมาถูกใจคนเฉพาะกลุ่ม . . . ด้วยวัตถุดิบที่มีในมือชั้นเลิศ+การทดลองแบบไม่มีข้อจำกัดอะไร อยากทำก็ทำ ลุยไปเลย เอานี่เจอนั่นแล้วไปวัดกันเลย . . . ก็ถูกปากบ้าง ไม่ถูกปากบ้าง ก็ว่ากันไปตามรสนิยมของคนชิม
สำหรับผม เขายังปรุงสัดส่วนไม่ค่อยเข้ากันนัก แม้ว่าจะมีวัตถุชั้นเลิศในมือก็ตาม
ผมมองว่าการทำอาหาร หรือ การทำ show
จะด้วยเป้าหมายของการแข่งขันหรืออะไรก็แล้วแต่ . . . รสชาติต้องมาก่อน
"เพราะอาหารมีไว้ทาน . . . ดนตรีมีไว้ฟัง"
ความสวยงาม แปลกใจ ประดับประดาด้วยเทคนิค หรือตกแต่งหน้าตาในภาชนะที่เลิศหรูเพียงใด
หากตักเข้าปากแล้วไม่อร่อยลิ้น คุณค่าจะตกลงทันที
การมองข้ามรอบ Battle ไปรอบ Live ต่อไปในเรื่องของการเก็บวัตถุดิบเอาไปปรุงต่อนั้น (ตั้งธงไว้ในใจ) เป็นเหตุผลที่ไม่น่าจะมีขึ้นได้ ในความคิดของพ่อครัวหรือแม่ครัวชั้นเลิศ . . .
เพราะอาหารทุกจาน สมควรถูกปรุงด้วยใจที่มุ่งหวังให้อาหารทุกจานที่ออกมานั้น 'อร่อยถูกปาก' เป็นสำคัญ
แต่ความอร่อยก็เป็นเรื่องของรสนิยม ซึ่งคงจะถูกปากถูกใจผู้ชิมแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ก็สุดแล้วแต่เราจะเลือกเสพ เลือกเดินเข้าร้านไหน ให้อิ่มท้องและมีความสุขกลับไป
:)
No Response to "The Voice Thiland 2012"
Post a Comment