All you need is Sticker Graphics

Book design
Book design
Book design
Book design
Most of us have collected stickers at some point in our childhood, but how many of us still keep our collections alive today?

เห็นแล้วอมยิ้มทุกทีไป กับหนังสือเล่มใหม่ที่ผมพึ่งได้มาเมื่อวานนี้
"All you need is Sticker Graphics"

คำนำในหนังสือที่กล่าวไว้นั้นถูกใจและผมเชื่อว่าถูกต้องมากๆ

ถูกต้องครับ ผมเคยเป็นเด็กที่ชอบสะสม sticker อยู่พักใหญ่ๆ
เนื่องจากผมรู้สึกว่า sticker นี่มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ทั้งสวยงาม
และสามารถแปะไปกับพื้นผิวต่างๆได้


นอกจากตัวมันเองเป็นศิลปะที่สวยงามแล้ว การนำมาแปะให้ถูกที่ถูกทาง
ก็เป็นศิลปะการจัดวางอีกทางหนึ่ง
. . . มันจึงเป็นสิ่งที่เด็กหลายๆคนหลงใหล
ได้อย่างไม่น่าแปลกใจ


หนังสือเล่มนี้จึงเป็นเหมือนเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอและทักทายกันมานาน
สำหรับผม
. . . ผมไม่รอช้าที่จะส่งยิ้มทักทายเพื่อนเก่า . . . แล้วบทสนทนาเรื่องชีวิตวัยเด็กในมุมที่แสนสนุกสนานของผม
ก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งกับเพื่อนเก่าคนนี้


หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่เหล้าเก่าในขวดใหม่ เพราะ stickers ทั้งหมด
ถูกออกแบบโดย designers ที่กำลังมีชื่อเสียงในปัจจุบัน . . .
และเป็น graphic ที่แสดงความเป็นเอกลักษณ์ของ designer นั้นๆ
มันจึงไม่ใช่ sticker เก่าที่นำมาทำใหม่แต่อย่างใด

และแน่นอนว่านอกจากหนังสือรวมภาพ stickers สวยๆ 228 หน้า
พิมพ์สี่สีแล้ว . . . มันยังมาพร้อมกับ sticker สวยๆมากมายในกล่อง
ที่น่าสะสมจนผมต้องรีบเชื้อเชิญเพื่อนเก่าคนนี้เข้าบ้าน (ควักกระเป๋าจ่ายไป)

สำหรับคนที่รัก stickers และ graphic design แล้ว . . . หนังสือเล่มนี้คงจะไม่แพงและยากเกินไปที่จะไปอยู่บนหิ้งหนังสือโปรดของคุณ

วันนี้ถึงแม้ผมจะไม่ได้สะสม stickers แล้วแต่ความชอบและมนต์เสน่ห์ของมัน
ยังไม่เคยจางหายไปจากความรู้สึกของผมแต่อย่างใด

2 Response to "All you need is Sticker Graphics"

gravatar
dogdoy Says:

อ่าฮ่า ผมก็เก็บสติกเกอร์เหมือนกันครับ เก็บแบบสวยก็เก็บไม่ได้ตามหา แต่ก็เยอะจนล้นกล่อง แต่มันเป็นอะไรที่ผมไม่กล้าแปะ หลายทีเห็นสติกเกอร์สวยๆไปแปะอยู่บนหัวนอนบ้าง กล่องของเล่นบ้าง อยากจะเอามันออกมา แต่ก็ทำไม่ได้ซะละ
ไว้มีโอกาสจะไปขอชมหน่อยนะครับ

gravatar
v74 Says:

ในยุคที่พี่เรียนประถมปลายนี่ มันมีกาีรละเล่นเกี่ยวกับ sticker อยู่ 2 อย่างที่เป็นที่นิยมกันในสมัยนั้น

คือ
1. ตบ sticker / เอา sticker มาวางบนฝ่ามือใครฝ่ามือมันแล้วตบกันแล้วปล่อยให้มันร่วงลงมา ใครหงายก็ชนะ ใครคว่ำก็แพ้ไป และเสีย sticker แผ่นนั้นไป (เป็นการพนันอย่างหนึ่ง)

2. เขี่ย sticker / เอามันมาวางซ้อนกัน แล้วใช้อีกใบนึงที่ถือในมือเขี่ย โดยผลัดกันเขี่ยคนละที สลับกันไป . . . โดยต้องเขี่ยให้มีหนึ่งใบหงาย อีกหนึ่งใบคว่าให้ได้ และ ใบที่หงายต้องไปทับอยู่บนใบที่คว่ำ จึงจะชนะและได้ sticker ใบนั้นไป . . .

พี่ชอบเล่นแบบที่ 2 มากกว่า . . . เล่นกันจนมีท่าพลิกแพลงในการเขี่ย / การเสี่ยงดวง / จังหวะที่คาดไม่ถึงให้ลุ้นกันอยู่ทุกทีไป

ช่วงหลังมานี้ ไม่ค่อยได้แปะ เพราะรู้สึกว่า เมื่อแปะไปแล้วเราเสียมันไป เรานำมันไปที่อื่นไม่ได้อีก . . . จึงเกิดการสะสมให้อยู่ในรูปเดิมๆมากขึ้นกว่าสมัยที่ยังเด็กมากๆ

เด็กสมัยใหม่เดี๋ยวนี้มาเล่น card พลังกัน . . . ใบละหลายร้อย - พันบาท เห็นแล้วก็ตกใจ แต่ก็เข้าใจความรู้สึกของเขาเหมือนกัน

หนังสือเล่มนี้มันเลย "โดน" มากๆครั้งแรกที่เห็นมันในร้านหนังสือ . . .

ว่างๆมาดูได้ หรือ นัด meeting กันวันไหนจะติดมือไปให้ดู