My hero !

I'm so weak now !
This is the worse week of my life.

My dad is in I.C.U. now !!!
The blood vessel in his brain were dispersed due to the blood high pressure.

So alarming !

Hope god will bless him, my lifetime hero !

บุญชูสระอูยาว

บุญชู

ช่วง 2 - 3 ปีมานี้แม้ไม่ใช่คนที่ติดตามข่าวสารวงการภาพยนต์ก็ต้องรู้สึกได้ว่าวงการนี้คึกคักขึ้นมาก
มีภาพยนต์จากผู้กำกับหน้าใหม่หลายๆคนออกมาเป็นทางเลือกสำหรับคนชอบดูหนัง... บ้างเรียนจบมาจากเมืองนอกเมืองนา บ้างก็มาจากวงการโฆษณา
บ้างก็มาจากตลก หรือบ้างมาจากอาชีพสถาปนิก

ถ้าพูดถึงเวลา ณ ปัจจุบัน . . . หนัง Action ที่นำเสนอศิลปะแบบไทยๆและการแสดงที่ใช้การฝึกฝนและความสามารถเฉพาะตัวสูง
อย่าง "ต้มยำกุ้ง" คงเป็นหนังที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด เนื่องจากหนังเรื่อง "องค์บาก" ซึ่งเป็นหนังจากทีมงานสร้างทีมเดียวกันได้รับการยอมรับที่กว้างกว่าหนังไทยทั่วๆไป


ส่วนตัวแล้วผมยังไม่ได้ไปดู "ต้มยำกุ้ง" และไม่ได้รู้สึกอยากไปเท่าไหร่ . . . แต่เห็นกระแสของหนังเรื่องนี้แรงมากๆจนทำให้ผมตั้งคำถามกับตัวเองว่า
ผมชอบหนังไทยเรื่องไหนบ้าง? เท่าที่เคยดูมา


"บุญชู"

เป็นเรื่องแรกที่ผมคิดถึงทันทีที่ได้ยินคำถามนี้
ผลงานกำกับของ บัณฑิต ฤทธิ์ถกล ผู้ซึ่งสร้างบุญชูให้อยู่คู่วงการหนังไทยมาถึง 6 ภาคด้วยกัน

บุญชูเหมือนเป็นเพื่อนรุ่นพี่ของผมก็ว่าได้เพราะเติบโตตามกันมา "บุญชู" เป็นเรื่องของเด็กบ้านนอก+การสอบ entrance+มิตรภาพระหว่างเพื่อน . . . ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมกำลังจะต้องเตรียมตัวสอบ entrance พอดี . . . เหมือนๆโตตามกันมาจนภาคหลังๆนี่ บุญชู แต่งงานไปแล้ว ผมยังไม่ได้แต่งเลย . . . ตามไม่ทันแล้ว

ในช่วงที่หนังไทยเริ่มมีเรื่องของ Special Effects เข้ามาเพิ่มอรรถรส. . .ผมกลับนึกไปถึงหนังเก่าที่ทำง่ายๆ แต่ประทับใจอย่าง "บุญชู" . . . สงสัยคงต้องกลับไปดูสระอูยาวกันอีกสักรอบกระมัง

อาม่า และ หน้าเก๋ง

อาม่าและหน้าเก๋ง
แสงแดดส่องทะลุต้นมะม่วงหน้าบ้านเข้ามาในห้องลูบไล้ไปตามโต๊ะ เก้าอี้ และหนังสือหลายเล่มที่วางตัดกับพื้นไม้สีเข้ม
บ่งบอกเวลาในยามเช้า

ผมเดินไปที่หน้าต่างต้นแสง สายตาจ้องมองไปยังสนามหน้าบ้านและต้นมะม่วงที่กำลังขยับตัวตามสายลม ล้อไปกับแสงแดด
ผมมองมันอย่างตั้งใจและปล่อยให้ความรู้สึกนึกคิดไหลไปแบบสบายๆ

คล้ายๆว่ามันเป็นงานศิลปะ 4 มิติ ที่เกี่ยวข้องกับเวลา . . . ผมคิดไปเรื่อยๆ
คล้ายๆว่ามันกำลังสื่อสารกับลมและแสงแดด
คล้ายๆว่ามันกำลังจะผลัดใบ . . . บางทีชีวิตผมอาจจะเหมือนกับใบไม้สักใบในนั้นที่ไม่รู้ว่าจะผลัดใบลงมาเมื่อไหร่. . . ผมพึมพำกับตัวเอง
คล้ายๆว่ามันกำลังสอนอะไรบางอย่างกับผม . . .

"ชีวิตคนเรามันสั้น" ผมคิดถึง blog ที่ผมเขียนไว้เกี่ยวกับหนังเรื่อง
"be with you"
ไม่มั๊ง ! . . . ผมแค่คิดไปเอง เติมเรื่องราวไปเองมากกว่า . . .
มันก็อยู่ของมันแบบนั้นตามธรรมชาติ


ผมคิดถึง "อาม่า"

อาม่าพึ่งจะมาพักที่บ้านผมเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว แกมาอยู่ 7 วันเต็มๆแต่ผมไม่ค่อยได้มีเวลาอยู่หรือนั่งคุยกับแกเท่าไหร่
เพราะเช้ามาผมก็ไปทำงาน กลับมาบ้านก็ดึกมากและแกเข้านอนไปแล้ว
ผมตั้งใจว่าวันหยุดวันนี้ ผมจะไปเยี่ยมอาม่า จะไปทานข้าวและนั่งคุยให้แกเห็นหน้าเห็นตาสักหน่อย
อย่างน้อยถ้าชีวิตผมเป็นเหมือนใบไม้ที่กำลังจะผลัดขึ้นมาจริงๆ ผมก็อยากให้แกเห็นผมอีกครั้งก่อนผมจะผลัดใบไป

ผมโทรไปหายี่โกวเพราะรู้ว่าอาม่าย้ายไปพักต่อกับยี่โกว
แม้ว่าอายุจะล่วงเลยจนถึงเลข 9 นำหน้าแล้วแต่อาม่าก็ยังเดินสายทักทายลูกๆหลานๆตามบ้านต่างๆในกรุงเทพฯ . . .
ยี่โกวบอกผมว่าวันนี้อาม่าจะกลับชลบุรีเพราะมากรุงเทพฯได้ 3 อาทิตย์แล้ว เริ่มคิดถึงบ้านที่นั่น ผมตัดสินใจทันทีว่าจะขับรถไปทานข้าวกลางวันที่นั่นกับแกสักหน่อย

"ป๊า วันนี้ไปหาอาม่ากันดีกว่า . . . ไม่เจออาม่ามาหนึ่งอาทิตย์แล้ว ช่วงนี้งานไม่ยุ่งมาก น่าจะไปสักหน่อย อาทิตย์หน้าและอาทิตย์ถัดไปคงจะไม่มีโอกาสไป" ผมเอ่ยปากชวนป๊า

ตั้งแต่ผมกลับไทยมา ผมไปชลบุรีไม่บ่อยนัก
เมื่อเทียบกับสมัยก่อนตอนที่ผมยังเด็ก . . .
นอกจากได้ไปเยี่ยมอาม่าแล้วผมยังจะได้ไปเห็นภาพบรรยากาศเก่าๆที่ผมเคยวิ่งเล่น, ร้านตัดผมที่ผมเคยตัด,
ร้านอาหารเก่าๆที่ผมเคยไปอุดหนุน และการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาที่ผมยังไม่เคยเห็น

ผมกับป๊าไปถึงที่นั่นตอนเที่ยงพร้อมกับอาหารทะเลและออส่วนอาหารจานโปรดของอาม่า
ไม่ต้องเดาก็รู้ได้ง่ายๆว่า อาม่า ต้องดีใจที่เห็นลูกๆหลานๆมาเยี่ยม มานั่งคุย และทานข้าวด้วยกัน
หลังอิ่มท้อง ผมเสนอ idea ว่าจะไปซื้อโอเลี้ยงและชาเย็นมาเพิ่มรสชาติระหว่างการสนทนาเหมือนที่คุ้นเคย
ระหว่างทางที่ผมขับรถไปซื้อผมมีโอกาสได้บันทึกภาพไว้เป็นที่ระลึก กับบรรยากาศและสถานที่เก่าๆที่ผมเคยสัมผัส

อาม่าและหน้าเก๋ง
หน้าเก๋ง...เป็นย่านในอำเภอเมืองชลบุรีที่ครอบครัวของผมเคยอาศัยอยู่ ปัจจุบันนี้แม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ย่านนี้แล้ว
แต่ความคิดถึงและความผูกพันธ์นั้นไม่สามารถบรรยายได้ ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ผมไปชลบุรีแล้วจะไม่แวะไปหน้าเก๋ง

ถนนที่ไม่พลุกพล่านกับคนท้องถื่นที่คุ้นตา
ชาและกาแฟโบราณกับข้าวหมูแดง
ห้องแถวตึกเก่าและร้านตัดผม
คุณยายขายกล้วยปิ้งกับน้ำตาลแดงที่เคี่ยวจนเหนียวและหอมหวาน
ขอทานที่กำลังหลับกับเสาไฟที่ยืนเหงา . . . ผมคิดถึงรถสามล้อถีบหลากสี
ที่เคยเป็นสีสันและเสน่ห์ของถนนที่นั่น . . .
พลัน . . . ผมคิดถึงถนนที่คนพลุกพล่านและเต็มไปด้วยสิ่งของนำสมัยอย่าง Rodeo drive ใน LA หรือ Fifth Avenue ใน NY

หน้าเก๋งเป็นที่ที่ผมคุ้นเคยมานาน
โลกใบเก่าของผมได้ปรับเปลี่ยนไปตามกาลเวลาอย่างช้าๆ
ผมตอบตัวเองไม่ได้ว่าผมรู้จักโลกใบนี้ดีพอหรือยัง ทั้งหน้าเก๋ง กรุงเทพ หรือ ที่ไหนๆ

อาม่าและหน้าเก๋ง
อาม่าและหน้าเก๋ง
โอเลี้ยง4 ชาเย็น2 โอวัลติน3 ถูกแบ่งถ่ายลงสู่แก้วตามจำนวนคนในบ้าน
บทสนทนาของอาม่าและลูกหลานเป็นไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุข
ผมปล่อยให้ความคิดฟุ้งไปตามภาพต่างๆที่เห็นในวันนี้ . . . ผสมกับความทรงจำและประสบการณ์เก่าๆที่ยังจำได้
ไม่ต้องคิดจนเหนื่อย ไม่ต้องพยายามคิดให้ออก ไม่ต้องแข่งกับเวลา ไม่ต้องแก้ปัญหา ไม่มีข้อจำกัด
ผมรู้สึกว่า ผมชอบการพักผ่อนแบบนี้มากกว่าการนอนฟังเพลงสบายๆอยู่บ้าน

ผมกับป๊าลาอาม่ากลับตอนบ่ายแก่ๆ
ผมกลับเข้าสู่กรุงเทพฯอีกครั้ง โลกปัจจุบันและปัญหาต่างๆเปิดออกให้ผมกลับเข้าไปผจญภัยตามเดิม
ทำไมผมต้องย้อนคิดไปถึงเรื่องๆเก่า ทั้งๆที่อดีตก็คล้ายกับน้ำแข็งในถุงโอเลี้ยงถุงนั้นที่ละลายและระเหยไปแล้ว

หลังข้าวมื้อเย็น . . . ผมได้ลิ้มรสของฟองนมและคาราเมลบนกาแฟบดในชื่อ "คาราเมล มัคคีอาโต" จากร้านกาแฟฟุ่มเฟือยร้านหนึ่งที่ดูจะมีสาขาเพิ่มมากขึ้นทุกวันในกรุงเทพฯ
ผมคิดถึงร้านกาแฟที่หน้าเก๋งเมื่อตอนบ่าย . . .
รูปแบบที่แตกต่าง วิธีชงที่แตกต่าง ราคาที่แตกต่าง รสชาติที่แตกต่าง แต่ความชอบไม่ต่างกัน

เหมือนๆทุกๆอย่างในโลกดำเนินไปตามวิถีปรกติของมัน . . .
วันนี้ . . . นอกจากจะได้ไปเยี่ยมอาม่าแล้ว ผมยังได้สนุกกับบรรยากาศที่คุ้นเคยและสนุกกับความคิดแบบสบายๆ

ผมกลับเข้าสู่ห้องนอนอีกครั้ง . . . แสงสว่างจากหน้าบ้านเปลี่ยนจากแสงแดดยามเช้าเป็นแสงจากหลอดไฟหน้าประตูบ้าน
ผมไม่รู้ว่าการคิดและเขียนแบบนี้เป็นการประมวลความคิดของชีวิต
หรือเป็นความฟุ้งซ่านเพ้อเจ้อ

สำหรับคนที่มีชีวิตที่โชกโชนหรือเข้มข้นอาจจะมองว่ามันเป็นเหตุผลอย่างหลังมากกว่า
ซึ่งก็อาจจะจริง
แต่สำหรับผมการมองชีวิตไปข้างหน้าหรือย้อนกลับแบบเกี่ยวโยงกัน
ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเป็นการทำให้จิตใจผมสงบ
. . .

ไม่ว่ามันจะทำให้ผมมองโลกชัดขึ้น หรือ มัวเท่าเดิม . . . ผมก็รู้สึกดีขึ้นและมีความสุขขึ้น


ผมล้มตัวลงที่ฟูกและหมอนใบเก่า . . . อาม่า ปะป๊า ยี่โกว ยี่เจ็ก หรือ คนขายกาแฟที่หน้าเก๋งคงกำลังเข้านอนเหมือนๆกับผม
การเดินทางของชีวิตและความคิดในวันนี้จบลง . . . แต่การเรียนรู้ชีวิตยังไม่สิ้นสุด
ผมหวังว่าพรุ่งนี้และวันต่อๆไปจะมีประสบการณ์ใหม่ๆรอผมไปสัมผัส
และเรียนรู้อีกก่อนที่จะถึงเวลาผลัดใบ