เมื่อเรามองสิ่งรอบๆตัวด้วยหัวใจนึกสนุก
ด้วยหัวใจศิลปะที่มีอยู่ในมนุษย์ทุกๆคน
ด้วยเหตุผลที่อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์
สิ่งต่างๆรอบๆตัวเราก็มีสีสัน มีเรื่องราว
เป็นการมองที่อยู่นอกเหนือเหตุผล และแต่ละคนมองไม่เหมือนกัน
บางคนเรียกมันว่า ความทรงจำ
บ้างว่า ความผูกพันธ์ ความหลัง หรือ ความชอบ . . .
บางคนอาจบอกว่า เพลงบางเพลง ฟังครั้งแรกก็รู้สึกว่ามัน "มีชีวิต"
หนังสือบางเล่ม หนังบางเรื่อง ภาพบางรูป หรือแม้กระทั่งบทความบางบท
มันมีชีวิต. . .
เช่นกัน เพื่อนของเราอาจบอกกับเราว่า
คำสร้อยนี่ร้องเพลงไม่ได้เรื่องเลย ท่าทางแข็งทื่อ ไม่มีลีลา
ไม่มีชีวิตเอาเสียเลย . . .
ณ.เวลานั้น คำสร้อย สิ่งมีชีวิตที่หายใจได้ตามหลักวิทยาศาสตร์
ก็กลายเป็นสิ่งไร้ชีวิตไปในสายตาของเพื่อนเรา
ไม่มีผิด ไม่มีถูกครับ . . . กับความรู้สึกถึงความมีชีวิตและไม่มีชีวิตแบบนี้
พูดถึงสิ่งไร้ชีวิตที่มีชีวิตรอบๆตัวผมแล้ว
ผมมีเพื่อนสนิทอยู่ 3 คนที่เดินทางไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอๆ . . .
ต่างคน ต่างที่มา ต่าง style และต่างวัย
คนแรกมาจาก Germany . . . เป็นเพื่อนรุ่นพ่อที่ผมควรจะเรียกว่า
อาเจ็ก(สนิท) มากกว่า เพื่อน(สนิท)
อาเจ็ก(สนิท) มากกว่า เพื่อน(สนิท)
เพราะแกมาสนิทกับครอบครัวผมตั้งแต่ก่อนผมเกิด
แกสนิทสนมกับป๊าและร่วมทุกร่วมสุขกันมายาวนานกว่า 30 ปี
ผมกับป๊ารักแกมาก . . . ผูกพันธ์กับแกมานาน
ตั้งแต่ป๊ายังหนุ่มๆ อยู่ในวัยทำงาน
ป๊าบอกว่าป๊ารู้จักแกเพราะ boss ของป๊า import แกมาจาก Germany
แล้วแนะนำให้ป๊ารู้จัก . . . สบโอกาส ป๊า ก็ไปตีสนิทแกและชวนแกมาอยู่ที่บ้าน
แล้วแนะนำให้ป๊ารู้จัก . . . สบโอกาส ป๊า ก็ไปตีสนิทแกและชวนแกมาอยู่ที่บ้าน
บางคนว่าแกน่ารัก บางคนว่าตลก บางคนว่าแก classic และหลงใหลในเสน่ห์ของแกจนถอนตัวไม่ขึ้น สำหรับผม . . . แกเท่ห์ไม่หยอก
ตั้งแต่ผมได้รู้จักแกมาจนถึงทุกวันนี้ ผมก็ยังรู้สึกว่าแกดูดีไม่เคยเปลี่ยน ไม่เชย และไม่ตกยุค
แกเป็นคนแข็งแรง ไม่เรื่องมาก กินน้อย และอดทน
ไปไหน ไปกัน กับป๊าตลอด . . . จนเมื่อป๊าอายุมากขึ้น
ผมก็ได้มาสมบุกสมบันกับแกต่อ แบบไม่มีทีท่าว่าแกจะเหนื่อย
วันนี้...ป๊าและผมลุยต่อไปกับแกไม่ไหวด้วยสังขารของ "ขา" และ "น่อง" เราเองที่มากขึ้น เมื่อยขึ้น
เราจึงขอให้แกพักผ่อนอยู่ที่บ้านมากกว่าจะให้ออกไปลุยข้างนอกเหมือนก่อน
เพราะเราลุยต่อไปกับแกไม่ไหว ทั้งที่แกก็พร้อมลุยอยู่เสมอ จนเด็กรุ่นหลังๆยังอาย
เราจึงขอให้แกพักผ่อนอยู่ที่บ้านมากกว่าจะให้ออกไปลุยข้างนอกเหมือนก่อน
เพราะเราลุยต่อไปกับแกไม่ไหว ทั้งที่แกก็พร้อมลุยอยู่เสมอ จนเด็กรุ่นหลังๆยังอาย
หลายครั้งที่เคยจะให้แกไปสนิท ไปลุย กับคนอื่น แต่ก็ด้วยความผูกพันธ์ ทำให้เราทำใจไม่ได้สักที
ป๊าบอกผมว่า อยากให้แกอยู่กับเราไปตลอด แม้ว่าแกจะนอนอยู่เฉยๆก็ไม่เป็นไร
นานๆผมก็ชวนแกออกมารับลม เติมไฟกันบ้างเป็นระยะๆ . . . เห็นแกทีไรผมก็รู้สึกชื่นใจและคิดถึงวันเก่าๆเสมอๆ
- - - - - - - - - - - - -
เพื่อนคนที่สองเป็นคนอเมริกันแท้ หน้าตาเคร่งขรึม ผิวสีดำน่าเกรงขาม
ผมมีโอกาสได้รู้จักเขาที่สหรัฐอเมริกา ในช่วงที่ผมไปใช้ชีวิตที่นั่น
เขาเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวของผมที่นั่นที่อยู่เคียงข้างกันตลอดเวลา
ผมพบเขาที่ Savannah, GA ในสภาพที่ไม่ค่อยแข็งแรงนัก
ด้วยความที่เขาเป็นคนไม่ฟุ่มเฟือย สบายๆ จิตใจกว้างขวาง
ผมเลยตีสนิทเขาและชวนเขามาอยู่ด้วย . . . แล้วเราก็สนิทกันตลอด 4 ปี
เขาเป็นคนกินจุ และมีสุขภาพที่ไม่สู้จะแข็งแรงนัก
ค่ารักษาพยาบาลของเขาที่นั่นก็ทำเอาผมสะอึกอยู่หลายสัปดาห์
(ก็ค่าแรงที่นั่นมันแพงบาดใจเหลือเกิน)
(ก็ค่าแรงที่นั่นมันแพงบาดใจเหลือเกิน)
แต่ขึ้นชื่อว่าเพื่อนสนิทแล้วก็ทิ้งกันไม่ลง . . . เมื่อผมย้ายมาอยู่ SantaMonica
เขาก็ร่วมเดินทางมากับผมด้วย . . . ก็ได้เขานี่ล่ะที่พาผมท่องเที่ยวฝั่ง West Coast อย่างสนุกสนาน
ใครบินมาลง LAX ก็ได้เขานี่ล่ะที่ไปต้อนรับขับสู้พร้อมๆกับผม
เสียดายที่เราต้องแยกจากกันเมื่อผมเดินทางกลับไทย
ใครบินมาลง LAX ก็ได้เขานี่ล่ะที่ไปต้อนรับขับสู้พร้อมๆกับผม
เสียดายที่เราต้องแยกจากกันเมื่อผมเดินทางกลับไทย
ไม่มีเขา . . . ชีวิตผมที่อเมริกาคงลำบากขึ้นอีกมากมาย
- - - - - - - - - - - - -
คนที่สามเป็นชาวญี่ปุ่น หน้าตาหงุดหงิด ดูเคร่งขรึม
ตัวป้อมหลังค่อม แต่ทมัดทะแมง แคล่วคล่องว่องไวในเมืองหลวง
ผมพึ่งรู้จักเขาหลังจากกลับมาจากสหรัฐ
แม้ว่าเขาจะดูบอบบาง ไม่เหมือนชาว Europe
แต่เขากลับมีกำลังในการขนย้าย ถ่ายของจำนวนมากอย่างไม่น่าเชื่อ . . . ช่วยให้ชีวิตผมสะดวกขึ้นอีกมาก . . . คนไทยหลายคนชอบเขาเพราะเขาเป็นคนที่ทานน้อย ไม่สิ้นเปลือง ลูกเล่นเยอะ
ช่างแต่งตัว และมีหลาย style ในตัวเอง
ช่วงแรกๆ ผมไม่ค่อยถูกชะตากับเขาเท่าไหร่ แต่ยิ่งนานวันผมก็ยิ่งสนิทกับเขามากขึ้นแบบที่ผมเองก็แปลกใจ ทุกวันนี้เลยไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด
เพื่อนผมทั้ง 3 คนนี้ไม่เรื่องมากและไม่ไฮโซ เราจึงคบกันได้แบบสบายๆและกันเอง
ก็เพราะถ้าเขาไฮโซอย่างชาว "ดาวสามแฉก", "สี่ห่วง" หรือ "ใบพัดสีน้ำเงิน" ผมก็คงไม่มีปัญญาจะไปไหนมาไหนกับพวกเขาแน่ๆ
สำหรับผมแล้ว เขาทั้ง 3 เป็นเพื่อนสนิทที่ผมไว้ใจได้
เพื่อนสนิท . . . หรือที่ใครหลายๆคนนิยมเรียกเขาว่าเพื่อนร่วมทาง
คงเป็นเพื่อนกันตลอดไป แม้ว่าจะมีห่างหายกันไปบ้างตามวัยและกาลเวลา
แต่มิตรภาพและความผูกพันธ์กับเพื่อนเหล่านี้ยังคงอยู่กับผมตลอดไป
อย่าลืมดูแลเพื่อนสนิทของคุณให้ดีนะครับ . . .