เมื่อวันที่ 9-18 กรกฎาคม 2553 ที่ผ่านมา
Seacon Square ได้จัดงาน
“Yesterday Once More”
ซึ่งเป็นงาน หวนรำลึกความสุข ความทรงจำ กับหลากหลายเรื่องราวความประทับใจ ร่วมสัมผัสเสน่ห์วิถีชีวิตชาวกรุง เมื่อ 40 ปี ก่อน ท่ามกลางบรรยากาศจำลอง ถนนราชดำเนินกลาง ศาลาเฉลิมไทย ภูเขาทอง ตลาด และร้านค้าในอดีต
ร้านกาแฟโบราณ ร้านขายของชำ ร้านถ่ายรูป ร้านตัดผม ร้านหนังสือ ห้องเรียน ที่ว่าการอำเภอ พร้อมของเก่าเก็บที่เต็มไปด้วยความสุขที่ไม่เคยจางหายของนักสะสมชื่อดัง ฯลฯ
มองวัน วานผ่านเลนส์
เริ่มกันด้วยภาพบรรยากาศแบบกว้างๆ
บรรยากาศในงานเป็นแบบเรียบง่าย ไม่มีอะไรหวือหวา
เดินแบบสบายๆ ไม่เป็นทางการ ไม่จริงจัง ไม่เบียดเสียด
พอเรียกบรรยากาศเก่าๆใน อดีตกลับมาให้หายคิดถึงได้
ร้านค้าต่างๆ ก็งัดเอาของเก่าย้อนยุค และของใหม่ที่ออกแบบให้ย้อนยุค
ออก มาขาย มาแสดงกันเต็มที่
สำหรับเด็กน้อยวัยซนเมื่อ 20-30 ปีก่อนต้องรู้จักสิ่งนี้
ผมไม่รู้ว่า ชื่อเรียกมันคืออะไร แต่มันเป็นไข่ที่อยู่ในตู้หยอดเหรียญ
หยอดแล้วหมุน ที่ตู้ เราก็จะได้ไข่มา 1 ฟอง
เปิดออกมาก็จะได้ลุ้นรางวัลกันว่าจะ ได้อะไร
ผมจำได้ว่า เป็นสิ่งที่ตื่นเต้น สร้างความสุขให้ผมได้ไม่น้อยในอดีต
ไม้ขีดรุ่นเก่า และของเก่ามากมาย วางเรียงราย ให้ชมกันตลอดงาน
จากของใช้ทั่วไปที่ไม่มีใครสนใจ เมื่อเวลาผ่านไป ก็เริ่มหายากและกลายเป็นของมีค่าน่าสะสม
ระหว่างที่เดินชมงาน เราก็จะได้ยินเสียงเพลงเก่าๆ เคล้าบรรยากาศไปตลอดงาน
ร้านตัดผม ที่มาให้บริการตัดกันจริงๆในราคาย่อมเยา
เห็นแล้วก็ย้อนกลับไปคิดถึงสมัยที่ตัวผมเองวิ่งเล่นอยู่แถว 'หน้าเก๋ง' ชลบุรี
ผมเองก็มีร้านตัดผมลักษณะนี้เป็นร้านประจำอยู่ที่นั่นเหมือนกัน
บรรยากาศไม่แตกต่างจากภาพที่เห็นนี้เลย
การได้มาเห็นสัมผัสบรรยากาศแบบนี้อีกครั้ง ก็เติมความสุขให้ชีวิตผมได้อย่างไม่ยากเย็น
วิถีชาวบ้านในสมัยก่อน กับการเดินเที่ยวตลาดนี่ขาดไม่ได้เลยคือ หมึกย่าง ครับ
หอม เหนียวนุ่ม เคี้ยวกันเพลินดูหนังกางแปลงไปด้วย
สุขใจมาก
ร้านค้าในอดีต ที่ขายของเล่นและขนมนานาชนิด
ที่ทุกๆคนต้องหยุดแวะเข้ามาเลือกซื้อเลือกชม
ไม่ว่าจะเด็ก ไปจนถึงผู้ใหญ่หัวใจเด็กทุกคน
ต่างได้รับความสุขกันไปต่างวัย ต่างมุมมอง
เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปสู่วันวานอีกครั้ง
และสุดยอดของเก่าที่มีชื่อเสียง ก็คือเจ้าก้อนพลังงานที่สวยและ classic แห่งยุคอดีต
ถ่านไฟฉายตรากบ นั่นเอง. . .
หนึ่งในลูกอม คู่ปาก คู่ลิ้นของคนทุกเพศทุกวัยในยุคก่อน
ก็ต้องมีชื่อของ ฮอลล์ อยู่ด้วย กับ packaging ที่ถือว่า classic ตลอดกาลกับใบหน้าของสาวคนนี้ที่กลาย
เป็น icon ของฮอล์ลไปแล้ว
และของใช้ในอดีต อื่นๆอีกมากมาย
เดินผ่านมาอีกนิดก็พบกับ ตู้ไม้จัดแสดงยาสูบในยุคโบราณ
ที่ผมเชื่อ ว่านักถุนยารุ่นเก๋าต้องเคยผ่านตา ผ่านปอด กันมาแล้ว
ปัจจุบันเรามี ipod, iphone, ipad ที่ให้เราเสพสื่อกันแบบ Multi-media
แต่ ในอดีตนั้น ความสุขหลักๆก็มาจากเจ้าวิทยุหน้าตาและอารมณ์ประมาณนี้ครับ
หมุน หาคลื่นและหาตำแหน่งกัน ชัดบ้างไม่ชัดบ้าง เฝ้ารอฟังเพลงโปรดที่เราหาซื้อแผ่นเสียงไม่ได้
ความสุขจากเสียงดนตรีที่ เราได้ยินและร้องตามไปด้วย จากวิทยุหน้าตาโบราณแบบนี้. . . หาได้ยากมากแล้วในปัจจุบัน
ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง
ในยุคนี้ สาวๆแค่เข้า youtube ก็ได้เห็นวิธีแต่งหน้า แต่งตัว กันแบบครบถ้วน สะดวกง่ายดาย
แต่ใน สมัยก่อนต้องอาศัยตำรากันแบบนี้ครับ
'ผดุงโฉม โน้มเสน่ห์'
โทรศัพท์มือหมุน ไม่ใช่มือถือ . . .
เวลารีบๆนี่หมุนเบอร์และกระแทกนิ้ว กันไม่ทันใจที่ร้อนรนเลยทีเดียวเชียว
บรรยากาศในงานโดยรวม เราจะเห็นแต่ของเก่า ที่เก่าจริงๆ
จะมีก็เพียงเจ้า นี่ล่ะครับ ที่ตัวรุ่นน่ะเก่า แต่สภาพนี่มัน New Old Stock ชัดๆ
เนี๊ยบ สวย classic มากๆ
มันคือ Alfa Romeo สุดเท่ห์นั่นเอง
classic มาก . . . และเจ้าของก็รักษาสภาพรถไว้ได้ดีมากๆเช่นกัน
นอกจากหมึกย่างที่เป็นของคู่ชีวิตกันแล้วก็ต้องมีสายไหมหลากสีด้วยเช่นกัน
ทาน แล้วละลายในปากพร้อมๆกับให้รสหวานของน้ำตาลที่เด็กๆหลายๆคนไม่อาจปฎิเสธได้
ส่วนถ้าเป็นสายไหมที่ใช้ทานกับโรตีม้วน ก็มีการสาธิตวิธีการทำกันให้เห็นกันต่อหน้าต่อตา
จะให้ครบสูตร ก่อนซื้อโรตี ต้องวัดดวงกันเพิ่มอรรถรสในการซื้อโรตีด้วย
จ่าย เท่ากัน แต่ได้จำนวนตามดวงครับ . . .
เป็นเสน่ห์ของการซื้อขนมทานในอดีต ที่ปัจจุบันก็หาแทบไม่ได้แล้ว . . .
หรือจะทานขนมกันแบบจริงจังขึ้นมาอีกก็มีให้เลือกซื้อเลือกทานกันมากมาย
ซึ่ง ผมเองก็ไม่รอด ต้องขอชิมขนมปลากริมไข่เต่ากับเขาเหมือนกัน
ในอดีตขนม ชนิดนี้มีชื่อว่า ขนมแชงมา หรือ ขนมแฉ่งม้า
ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยรัชกาล ที่ 4
ไม่ดี ไม่อร่อยจริงคงไม่อยู่มาจนถึงทุกวันนี้
และขนมอื่นๆอีกมากมายที่เชื่อว่าทุกคนคงจะรู้จักกันดี
น้ำมะเน็ดไทยหรือน้ำหวานใส่น้ำโซดา
สีสรรที่อยู่คู่ตลาดโบราณมาช้านาน
ด้วย สีที่สวยงาม มันจึงดึงดูดความสนใจจากผู้คนที่เดินผ่านไปมาได้อย่างไม่ยากนัก
เวลาที่เราเห็นของที่เราเคยมี เคยผ่านตา แต่เมื่อปัจจุบันมันเลิกผลิตไปแล้ว
หรือ หาได้ยากมากขึ้น เรามักจะรู้สึกว่ามันมีค่าสูงกว่าเดิม . . .
ไม่ว่าจะ เป็นค่าทางมูลค่า หรือ ค่าทางใจ
ในขณะที่เราเห็นสิ่งไหนบ่อยๆ เห็นได้ง่าย หาได้ง่าย มันกลับกลายเป็นเรื่องเคยชิน ธรรมดา
และบ่อยครั้ง เราก็ลดคุณค่าของมันลงไปด้วยความคุ้นชินนั้น
ใน Yesterday Once More นั้น . . . เราอาจได้เห็นตลาด เห็นวันวานในอดีต
เสมือนว่าเรานั่งยาน ย้อนเวลากลับไปในอดีตนั้นได้
แต่ในชีวิตจริงนั้น เราไม่มียานย้อนเวลาที่ว่า . . . ทุกๆวินาทีจึงเป็นเรื่องของปัจจุบัน
ที่ เกิดขึ้นและไม่มีวันย้อนกลับมาได้อีก . . .
เพียงเสี้ยววินาทีเดียวช่วง เวลานั้นก็ผ่านไปอย่างถาวร. . .
เราจึงควรตระหนัก และใส่ใจกับ 'ทุกๆเรื่อง' ในชีวิตปัจจุบัน
มองให้เห็นคุณค่าของมัน ก่อนที่มันจะกลายเป็นอดีตที่เราไม่อาจจะย้อนกลับไปแก้ไขมันได้อีก
2 Response to "Yesterday Once More"
ผมชอบรูปที่ถ่ายมากเลยครับ ขอยืมไปใช้ประกอบเรื่องเล่าบน Facebook หน่อยนะครับ
ขอบคุณมากครับ
เบิร์ด
byrd_bird@yahoo.com
ถ้ายืมรูปไป ช่วยลง credit ให้ผมด้วยนะครับ
Post a Comment