เปิดโปรแกรม Firefox ในช่อง URL พิมพ์ about:config? จากนั้นกด Enter เพื่อทำการเข้าไปปรับค่าต่างๆ ของโปรแกรม
ทำการแก้ไขค่าต่างๆ ดังนี้ โดยพิมพ์ชื่อบน แถบตัวกรองด้านบนได้เลย เพื่อความสะดวก
network.http.proxy.pipelining ค่าเดิมเป็น false ให้ทำการแก้ไขให้เป็น true การแก้ไขทำได้โดย ดับเบิ้ลคลิกที่บรรทัดนั้นๆ ได้เลย
network.http.pipelining.maxrequests
แก้ไขโดยการ Dubble Click จากนั้นจะมีหน้าต่างแสดงขึ้นมา เพื่อให้เราได้แก้ไขค่า ซึ่งค่าเดิมคือ 4 ให้แก้เป็น 200
ซึ่งการแก้ไขในส่วนต่อๆ ไป จะทำในลักษณะเดียวกันนี้ โดยการ Dubble Click เพื่อแก้ไขค่า
network.http.max-connections
ค่าเดิม 24 แก้เป็น 64
network.http.max-connections-per-server
ค่าเดิม 8 แก้เป็น 20
network.http.max-persistent-connections-per-proxy
ค่าเดิม? 4 แก้เป็น 10
network.http.max-persistent-connections-per-server
ค่าเดิม? 2 แก้เป็น 10
network.http.request.max-start-delay
ค่าเดิม? 10 แก้เป็น 0
network.http.proxy.version
ค่าเดิม 1.1 แก้เป็น 1.0
จากนี้จะเป็นการเพิ่มตัวแปลใหม่ลงใน Config โดยการคลิกขวาบนพื้นที่ว่าง
เลือก New แล้วเลือก Integer จะมีหน้าต่างปรากฏขึ้นมาให้ใส่ชื่อเป็น
nglayout.initialpaint.delay จากนั้นกด Enter
จะมีหน้าต่างที่สองขึ้นมาให้เราใส่ค่า Value ตรงนี้ให้ใส่ค่าเป็น 0
สร้างตัวแปรใหม่ขึ้นมา เป็นแบบ Integer ด้วยวิธีเดียวกัน ใส่ชื่อตัวแปรเป็น
browser.sessionhistory.max_total_viewers
ส่วนการกำหนดค่าของตัวแปรตัวนี้นั้น จะเป็นส่วนของการเก็บแคช
ดังนั้นเราควรใส่ตามปริมาณแรมของเครื่อง
แรม 32 MB ให้ใส่ 0
แรม 64 MB ให้ใส่ 1
แรม 128 MB ให้ใส่ 2
แรม 256 MB ให้ใส่ 3
แรม 512 MB ให้ใส่ 5
หากมีแรมเกินกว่านี้ ให้ใส่ 8
การกำหนดค่านี้ มีกฏง่ายๆ คือ ห้ามกำหนดค่าตัวแปร เกิน 8 มิฉะนั้น Firefox จะปิดการทำงานของแคชโดยปริยาย
สร้างตัวแปรใหม่ขึ้นมาเป็นแบบ Integer ชื่อตัวแปร Browser.cache.memory.capacity สำหรับค่าของตัวแปร
แนะนำให้กำหนดค่าตัวแปรเท่ากันกับตัวบน หรือผันแปรตามค่าแรมของเครื่อง
สร้างตัวแปรใหม่ โดยเลือกที่ Boolean ชื่อของตัวแปรใส่เป็น config.trim_on_minimize กำหนดค่าของตัวแปรเป็น True
ปิดโปรแกรม Firefox และลองเปิดขึ้นมาใหม่ เพื่อทดสอบการทำงาน จะเห็นได้ว่า เร็วขึ้นทันตาเห็น
credit
click here
No Response to "Faster Firefox"
Post a Comment