หวัดใหญ่

โดนหวัดใหญ่เล่นงานอาการทรุด
หนาวที่สุดร้อนที่สุดน่าใจหาย
ปวดประดูกปวดกล้ามเนื้อปวดร่างกาย
ปวดบรรลัยเดินไม่ไหวต้องใช้คลาน

คออักเสบหายใจขัดฟึดฟัดฟู่
หวัดเคยรู้สองสามวันก็จางหาย
หวัดคราวนี้สี่วันล่วงมิเสื่อมคลาย
หน้าก็มืดตาก็ลายตลอดวัน

กินไม่ได้นอนไม่หลับกระสับกระส่าย
เหงื่อโทรมกายเหนื่อยหัวใจใกล้อาสัญ
เห็นชีวิตมีคุณค่ากว่าทุกวัน
สิ่งมีค่าอื่นใดนั้นของนอกกาย

ไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ
จำไว้เถิดพี่น้องผองสหาย
แล้วจะมัวมาเขียนกลอนก่อนทำไม
สมควรไปพักผ่อนนอนต่อเอย

Neubau Welt

ไม่คิดว่าจะพลาดท่าเสียทีให้กับห้างเปิดใหม่กลางเมืองอย่าง Siam Paragon ที่เปิดตัวกันไปอย่างอึกทึกครึกโครมช่วง long weekend ที่ผ่านมา. . .

ปรกติแล้วของใช้ไม้สอยและของ brand name ราคาแพงไม่สามารถกระชากเงินออกจากกระเป๋าผมได้
การแวะเข้าไปที่ Siam Paragon จึงไม่ใช่เรื่องน่ากลัวสำหรับผม

ก็แค่อยากแวะเข้าไปดูว่า projector สำหรับ motion graphics ที่ผมเกือบตกปากรับทำให้กับ Matching Entertainment น่ะมันเป็นยังไง?
ก็แค่อยากแวะเข้าไปดูว่า Poster, Credit card, Pamphlet, Brochure ที่ทาง Siam Paragon เคย deal กับ JWT และ Agency อื่นๆน่ะ มันจะออกมาในรูปไหนกันแน่ เพราะคุณๆเจ้าของทั้งหลายต่างก็มีรสนิยมสูงและพิถีพิถันกันทั้งนั้น?

แค่อยากไปดูเท่านั้นจริงๆ . . .
เหตุการณ์น่าจะเป็นไปตามคาดหากผมไม่แวะเข้าไปเยือนร้านหนังสือชั้นดีอย่าง Kinokuniya

...ที่นั่น...


ด้วย 20% discount และชื่อของ Neubau Welt, German graphic designer คนโปรดของผมที่ทำให้ผมต้องพลาดท่าเสียทีถูกกระชากเงินออกจากประเป๋าไปแบบง่ายๆ


Neubau Welt เป็น graphic designer ชาวเยอรมันที่เคยสร้างผลงานกับ DesignerShock
ซึ่งถูกวิจารณกันหนาหูว่าเลียนแบบมาจาก TDR ทั้งหมด...แต่ก็เพราะความเหมือน TDR อย่างมากนี่เองที่ทำให้ DSOS1 กลายเป็นหนึ่งในหนังสือ Graphic ที่ขายดีและเป็นหนังสือสะสมของนักออกแบบทั่วไป

Neubau Welt เล่มหนาราคาแพงเล่มนี้เหมือนเป็น encyclopedia สำหรับ elements รอบๆตัวที่เห็นได้ทั่วๆไป (everyday elements) ในรูปแบบของ vector graphic

ราคาที่จ่ายไปสำหรับหนังสือเล่มนี้นั้นได้รวมถึงการซื้อลิขสิทธิ์สำหรับการ edit และ reuse 1247 elements ที่เห็นในหนังสือทั้งหมด
โดยไม่มีข้อจำกัด . . . ซึ่ง elements ทั้งหมดได้ถูกบรรจุไว้ใน CD-Rom พร้อมกับ 3 Neubau typefaces (NB55RLS, NBBlatt, NBUrban) for Mac and Window.

รายละเอียดหนังสือ
Dimensions: 9.75" x 11.5" (inches)
Pages: 304
Edition: Hardcover
Languages: English

แล้วผมก็เดินตัวเบากระเป๋าแห้งกลับบ้านไป . . .

vthink
vthink
vthink
vthink
vthink

ทดแทน

ยามราตรี กรุงเทพฯบางซอกหลืบไม่เคยหลับ หลังอาหารมื้อเย็นที่นุ่มนวลจากตะวันรอนแสงจนเลยนาทีหลัง 23.00 น.ในวันสุดสัปดาห์ หลากหลายผู้คนซึ่งรู้สึกว่ามีเงินเพียงพอไม่ยำเกรงต่อความสิ้นเปลือง
มักรวมตัวกันเพื่อให้ปลายลิ้นสัมผัสกับวิสกี้ผสมโซดา ยินเสียงดนตรีบรรเลงสด ยลโฉมนารีเอวบางในยามราตรีมืดมิด

ผมและเพื่อนๆสถาปัตย์จุฬาฯรุ่นที่ 60 รวมตัวกันอีกครั้งที่ซอกหลืบหนึ่งบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ชีวิตอดีตที่ถูกขุดคุ้ยขึ้นสนทนาครั้งแล้วครั้งเล่านำมาซึ่งเสียงหัวเราะ
รอยยิ้มอิ่มอาบบนใบหน้ากับรอยตีนกาที่ฉายชัด


หลังเรียนจบ ทุกๆคนต่างแยกย้ายกันไปตามวิถีทางของตน ตามโชคชะตา ตามความปราถนาของใจ . . . เรากลับมาเพื่อแลกเปลี่ยนทัศนะและถามไถ่ถึงความเป็นไปในปัจจุบัน เนื่องด้วยเราไม่เห็นหน้ากันทุกวันเหมือนสมัยเป็นนิสิต ผมไปรับของที่ผมฝากซื้อจากเพื่อนที่พึ่งกลับจากสหรัฐและถือโอกาสทักทายเพื่อนคนอื่นๆไปด้วย

เฮ้ย! ตอนนี้มึงทำอะไรอยู่วะ

เป็นคำนิยมที่ได้ยินกันบ่อยครั้งไม่ต่างจาก “How are you?”
เหมือนเป็นคำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบที่จริงจังนัก เหมือนเป็นคำทักทายสำหรับเพื่อนที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานาน . . . มันอาจจะเป็นคำถามที่ผมไม่รู้สึกอะไรถ้าผมใช้ชีวิตไปตามวิถีปรกติของมนุษย์เ งินเดือน

ตอนนี้กูไม่ทำอะไรเลยว่ะ

ผมตอบเหมือนที่เคยตอบคนอื่นๆ แม้จะรู้ดีว่าสายตาสงสัยที่มองกลับมาหลังคำตอบนี้
จะเกิดขึ้นอีกครั้งแล้วครั้งเล่า พร้อมๆกับคำถามต่อๆไป...
บางคนคิดในใจ
บางคนเอ่ยปากถามต่อ
บางคนเข้าใจ
ขณะที่บางคนไม่สนใจ

ผมอาจจะกำลังใช้ชีวิตอยู่ที่สหรัฐอีกครั้ง ณ เวลานี้หากทุกอย่างดำเนินไปตามปรกติ
แต่วันนี้...ผมนั่งอยู่ที่นี่ ในประเทศที่ผมเกิด ในเมืองที่ผมคุ้นเคย

ผมหยุดรับงานมา 2 เดือนเต็ม ใช้ชีวิตอยู่กับป๊าอย่างเต็มที่ขณะพักฟื้นจากโรคร้ายที่เกือบคร่าชีวิตของเขาไป มาม้าที่สุขภาพไม่สู้จะแข็งแรงนักไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ แค่เพียงดูแลตัวเองให้ไม่เจ็บไม่ไข้ก็ลำบากมากเกินพอสำหรับเขาแล้ว ป๊าเริ่มหัดเดินอย่างเชื่องช้าพร้อมกับการต่อสู้กับโรคแทรกซ้อนนานาชนิด หนักบ้าง เบาบ้าง สลับกันไป

การพบเจอเพื่อนๆในครั้งนี้ของผมจึงไม่สดชื่นเหมือนครั้งก่อนๆ ผมกวาดสายตาไปรอบๆตัว นักดนตรีบรรเลงเพลงบลูส์กำลังเข้าถึงอารมณ์เพลง กรีดนิ้วลงบนสายกีต้าร์แผดเสียงที่บาดลึกถึงวิญญาณ มันเป็นเพลงเก่าที่คุ้นหูผมมานาน ความเคลื่อนไหวอลหม่านของผู้คนในร้านและเสียงสนทนาที่ดังแข่งกับเสียงดนตรี
เชื้อเชิญคนภายนอกให้เข้ามาร่วมประทับรอยตีนในร้าน แต่ยิ่งบรรยากาศคึกคักว่องไว ใจผมก็ยิ่งอ่อนแรงลงสวนทางกัน มันเป็นความครุกรุ่นห่อหุ้มความเงียบเชียบอยู่ภายใน


ผมหยุดสายตาลงที่โต๊ะด้านถัดไปจากเวทีดนตรี สงบนิ่งที่เถ้าบุหรี่บนปลายไฟขณะมันลามเลียเข้ามาจวนเจียนถึงหว่างนิ้ว เขายกมัน
ขึ้นดูดอย่างระมัดระวังและมองมันอย่างครุ่นคิด รายรอบเขานั่งเบียดเสียดกันบนเก้าอี้ตัวเล็กไร้พนักพิง มือถือแก้ววิสกี้ทิ่พร้อมจะไหลรินเข้าสัมผัสปลายลิ้นตลอดเวลา . . .
พลันผมคิดขึ้น . . . ชีวิตก็เหมือนเถ้าบุหรี่ที่แม้จะประคับประคองอย่างระมัดระวังให้นิ่งเพียงใด เมื่อถึงเวลาก็ต้องร่วงหล่นมอดสลายลง


ผมคิดถึงป๊า . . .

เฮ้ย มึงไม่มีงานทำ?”
ผมไม่ตอบ . . . แต่เล่าเรื่องป๊าให้เพื่อนฟัง . . .
เพื่อนที่สูญเสียพ่อไปแบบฉับพลันขณะมันใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศแสดงท่าทีเห็นใจ เข้าใจ พร้อมให้กำลังใจ

ไม่หาเด็กมาดูแล?”
เป็นคำถามเชิงแนะนำที่ผมได้ยินบ่อยครั้งหลังคำตอบว่า . . . ตอนนี้กูอยากอยู่กับป๊าก่อน

คำว่า รู้คุณ กับ ทดแทนคุณ คงไม่เหมือนกันแม้จะหาข้อแตกต่างหรือคำจำกัดความที่แยกสองคำนี้ออกจากกันลำบาก การส่งเด็กจากศูนย์ Nursing care หรือพยาบาลส่วนตัวมาดูแลพ่อแม่คงเป็นเรื่อง กตัญญูของมนุษย์เมืองที่มีเวลาว่างน้อยลงทุกวัน ซึ่งไม่ผิดและตำหนิไม่ได้

ผมรู้ว่าการหยุดทำงานหมายถึงการเสี่ยงต่ออนาคตระยะยาว แต่ผมไม่อยากใช้มันเป็นข้ออ้างเพราะผมกลัว...กลัวที่จะมีเวลาใช้ชีวิตใกล้ๆเขาไม่เพียงพอ หลายคนอาจบอกว่า ยังมีเวลาทดแทนคุณอีกเยอะ มีวิธีที่ทดแทนคุณได้มากมายหลายวิธีโดยไม่ต้องหยุดทำงานหรือใช้เวลาอยู่ใกล้ๆเขา โดยเฉพาะช่วงเวลาที่การงานกำลังก้าวหน้า แต่ในความเป็นจริง เวลาและโอกาสไม่เคยมีอีกเยอะ และอาจไม่เหลือพอให้ทดแทนคุณ...

ผมรู้สึกว่า...เราจะไม่มีวันมีเวลาว่าง ถ้าเราไม่ตั้งใจจะมี


กาลเวลากำลังแยกเราจากกัน แต่ความทรงจำของการเกิดขึ้นจะลุกโชนและฝังรากลึกในสมองของผม
แม้เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
แม้เป็นเรื่องที่มนุษย์ทุกคนต้องเจอ
แม้เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าสอนให้เราปล่อยวาง

แต่ผมก็กลัว...