ทดแทน

ยามราตรี กรุงเทพฯบางซอกหลืบไม่เคยหลับ หลังอาหารมื้อเย็นที่นุ่มนวลจากตะวันรอนแสงจนเลยนาทีหลัง 23.00 น.ในวันสุดสัปดาห์ หลากหลายผู้คนซึ่งรู้สึกว่ามีเงินเพียงพอไม่ยำเกรงต่อความสิ้นเปลือง
มักรวมตัวกันเพื่อให้ปลายลิ้นสัมผัสกับวิสกี้ผสมโซดา ยินเสียงดนตรีบรรเลงสด ยลโฉมนารีเอวบางในยามราตรีมืดมิด

ผมและเพื่อนๆสถาปัตย์จุฬาฯรุ่นที่ 60 รวมตัวกันอีกครั้งที่ซอกหลืบหนึ่งบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ชีวิตอดีตที่ถูกขุดคุ้ยขึ้นสนทนาครั้งแล้วครั้งเล่านำมาซึ่งเสียงหัวเราะ
รอยยิ้มอิ่มอาบบนใบหน้ากับรอยตีนกาที่ฉายชัด


หลังเรียนจบ ทุกๆคนต่างแยกย้ายกันไปตามวิถีทางของตน ตามโชคชะตา ตามความปราถนาของใจ . . . เรากลับมาเพื่อแลกเปลี่ยนทัศนะและถามไถ่ถึงความเป็นไปในปัจจุบัน เนื่องด้วยเราไม่เห็นหน้ากันทุกวันเหมือนสมัยเป็นนิสิต ผมไปรับของที่ผมฝากซื้อจากเพื่อนที่พึ่งกลับจากสหรัฐและถือโอกาสทักทายเพื่อนคนอื่นๆไปด้วย

เฮ้ย! ตอนนี้มึงทำอะไรอยู่วะ

เป็นคำนิยมที่ได้ยินกันบ่อยครั้งไม่ต่างจาก “How are you?”
เหมือนเป็นคำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบที่จริงจังนัก เหมือนเป็นคำทักทายสำหรับเพื่อนที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานาน . . . มันอาจจะเป็นคำถามที่ผมไม่รู้สึกอะไรถ้าผมใช้ชีวิตไปตามวิถีปรกติของมนุษย์เ งินเดือน

ตอนนี้กูไม่ทำอะไรเลยว่ะ

ผมตอบเหมือนที่เคยตอบคนอื่นๆ แม้จะรู้ดีว่าสายตาสงสัยที่มองกลับมาหลังคำตอบนี้
จะเกิดขึ้นอีกครั้งแล้วครั้งเล่า พร้อมๆกับคำถามต่อๆไป...
บางคนคิดในใจ
บางคนเอ่ยปากถามต่อ
บางคนเข้าใจ
ขณะที่บางคนไม่สนใจ

ผมอาจจะกำลังใช้ชีวิตอยู่ที่สหรัฐอีกครั้ง ณ เวลานี้หากทุกอย่างดำเนินไปตามปรกติ
แต่วันนี้...ผมนั่งอยู่ที่นี่ ในประเทศที่ผมเกิด ในเมืองที่ผมคุ้นเคย

ผมหยุดรับงานมา 2 เดือนเต็ม ใช้ชีวิตอยู่กับป๊าอย่างเต็มที่ขณะพักฟื้นจากโรคร้ายที่เกือบคร่าชีวิตของเขาไป มาม้าที่สุขภาพไม่สู้จะแข็งแรงนักไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ แค่เพียงดูแลตัวเองให้ไม่เจ็บไม่ไข้ก็ลำบากมากเกินพอสำหรับเขาแล้ว ป๊าเริ่มหัดเดินอย่างเชื่องช้าพร้อมกับการต่อสู้กับโรคแทรกซ้อนนานาชนิด หนักบ้าง เบาบ้าง สลับกันไป

การพบเจอเพื่อนๆในครั้งนี้ของผมจึงไม่สดชื่นเหมือนครั้งก่อนๆ ผมกวาดสายตาไปรอบๆตัว นักดนตรีบรรเลงเพลงบลูส์กำลังเข้าถึงอารมณ์เพลง กรีดนิ้วลงบนสายกีต้าร์แผดเสียงที่บาดลึกถึงวิญญาณ มันเป็นเพลงเก่าที่คุ้นหูผมมานาน ความเคลื่อนไหวอลหม่านของผู้คนในร้านและเสียงสนทนาที่ดังแข่งกับเสียงดนตรี
เชื้อเชิญคนภายนอกให้เข้ามาร่วมประทับรอยตีนในร้าน แต่ยิ่งบรรยากาศคึกคักว่องไว ใจผมก็ยิ่งอ่อนแรงลงสวนทางกัน มันเป็นความครุกรุ่นห่อหุ้มความเงียบเชียบอยู่ภายใน


ผมหยุดสายตาลงที่โต๊ะด้านถัดไปจากเวทีดนตรี สงบนิ่งที่เถ้าบุหรี่บนปลายไฟขณะมันลามเลียเข้ามาจวนเจียนถึงหว่างนิ้ว เขายกมัน
ขึ้นดูดอย่างระมัดระวังและมองมันอย่างครุ่นคิด รายรอบเขานั่งเบียดเสียดกันบนเก้าอี้ตัวเล็กไร้พนักพิง มือถือแก้ววิสกี้ทิ่พร้อมจะไหลรินเข้าสัมผัสปลายลิ้นตลอดเวลา . . .
พลันผมคิดขึ้น . . . ชีวิตก็เหมือนเถ้าบุหรี่ที่แม้จะประคับประคองอย่างระมัดระวังให้นิ่งเพียงใด เมื่อถึงเวลาก็ต้องร่วงหล่นมอดสลายลง


ผมคิดถึงป๊า . . .

เฮ้ย มึงไม่มีงานทำ?”
ผมไม่ตอบ . . . แต่เล่าเรื่องป๊าให้เพื่อนฟัง . . .
เพื่อนที่สูญเสียพ่อไปแบบฉับพลันขณะมันใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศแสดงท่าทีเห็นใจ เข้าใจ พร้อมให้กำลังใจ

ไม่หาเด็กมาดูแล?”
เป็นคำถามเชิงแนะนำที่ผมได้ยินบ่อยครั้งหลังคำตอบว่า . . . ตอนนี้กูอยากอยู่กับป๊าก่อน

คำว่า รู้คุณ กับ ทดแทนคุณ คงไม่เหมือนกันแม้จะหาข้อแตกต่างหรือคำจำกัดความที่แยกสองคำนี้ออกจากกันลำบาก การส่งเด็กจากศูนย์ Nursing care หรือพยาบาลส่วนตัวมาดูแลพ่อแม่คงเป็นเรื่อง กตัญญูของมนุษย์เมืองที่มีเวลาว่างน้อยลงทุกวัน ซึ่งไม่ผิดและตำหนิไม่ได้

ผมรู้ว่าการหยุดทำงานหมายถึงการเสี่ยงต่ออนาคตระยะยาว แต่ผมไม่อยากใช้มันเป็นข้ออ้างเพราะผมกลัว...กลัวที่จะมีเวลาใช้ชีวิตใกล้ๆเขาไม่เพียงพอ หลายคนอาจบอกว่า ยังมีเวลาทดแทนคุณอีกเยอะ มีวิธีที่ทดแทนคุณได้มากมายหลายวิธีโดยไม่ต้องหยุดทำงานหรือใช้เวลาอยู่ใกล้ๆเขา โดยเฉพาะช่วงเวลาที่การงานกำลังก้าวหน้า แต่ในความเป็นจริง เวลาและโอกาสไม่เคยมีอีกเยอะ และอาจไม่เหลือพอให้ทดแทนคุณ...

ผมรู้สึกว่า...เราจะไม่มีวันมีเวลาว่าง ถ้าเราไม่ตั้งใจจะมี


กาลเวลากำลังแยกเราจากกัน แต่ความทรงจำของการเกิดขึ้นจะลุกโชนและฝังรากลึกในสมองของผม
แม้เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
แม้เป็นเรื่องที่มนุษย์ทุกคนต้องเจอ
แม้เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าสอนให้เราปล่อยวาง

แต่ผมก็กลัว...

18 Response to "ทดแทน"

gravatar
dogdoy Says:

พี่ทำถูกแล้วครับ เป็นการตัดสินใจที่เยี่ยมที่สุดครั้งนึงเลยผมว่า
เงินมากแค่ไหนก็ซื้อเวลาอันมีค่าตรงนี้ไม่ได้จริงๆ

ผมเองก็ตั้งใจว่าจะกลับไปอยู่กับยาย รับงานมาทำที่บ้านเป็นจ๊อบๆไป ได้เงินมาก็เอาไปเที่ยวกับยาย อยากพายายไปเที่ยวที่ที่สวยๆ อากาศดีดี ช่วงที่ยายยังพอมีแรงไปไหนมาไหนได้

gravatar
Anonymous Says:

ผมกลับมองว่าพี่กล้าหาญ มากกว่า สิ่งๆนี้ไม่ใช้ว่าทุกๆคนจะทำได้ พี่กล้าที่จะทำในสิ่งที่พี่คิดว่า ดี แม้ว่ามันจะทำให้เราแต่กต่างจากคนอื่น แม้ว่ามันจะทำให้คนอื่นอาจจะมองเราแปลกๆสงสัยในสิ่งที่เราทำ แต่ถ้ามันเป็นสิ่งที่ถูกและสมควร มีเหตุอันใดที่เราจะไม่ทำ

คนบางคนอาจวัดความสำเร็จของชีวิตด้วยเงินทอง ดว้ยหน้าตาทางสังคม แต่จะมีใครบางไหมที่วัดความสำเร็จของชีวิต ด้วยความสุขในครอบครัว

ศู้เค้าครับเฮีย

gravatar
v74 Says:

Doy
คงไม่ใช่เรื่องผิดหรือถูกแต่เป็นเรื่องของเจตน์จำนงส่วนบุคคลมากกว่า
พี่มีโอกาสทำได้ก็อยากทำ มุมมองหรือความคิดคนอื่นไม่มีผลกระทบต่อจิตใจมากเท่าๆกับความเจ็บป่วยของป๊า

ถ้าตั้งใจกลับมาแล้วก็ใช้ชีวิตให้คุ้มที่ usa ละกัน
คงได้เจอกันในกรุงเทพ

-----------------

Boy
เร๊ยก เฮีย ดีแล้วว่ะ
เอา Europe ให้ปรุเลยนะเว้ย ... เมืองสวยๆเยอะ

gravatar
จุ๊บ Says:

น่าอิจฉามากกว่าค่ะ ;-)




...ความกลัว...
เป็นเรื่องที่เลื่ยงไม่ได้สำหรับลูกๆทุกคนที่รักพ่อแม่
แต่สิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ยิ่งกว่านั้นคือ
...ความจริง...




ปล. ฟ้อนต์เล็กจังค่ะ ต้องขยายใช้ตัวหนังสือใหญ่สุดๆ จึงอ่านได้=P

gravatar
v74 Says:

ไม่มีอะไรต้องอิจฉาเลยครับ

font นี่รู้สึกเหมือนกันว่ามันแปลกๆเพราะดันไป edit บน firefox on tiger แล้วก็พบว่ามันตัดคำประหลาดๆ

ลองกลับมา edit ด้วย XP อีกครั้งน่าจะหาย
thx

gravatar
จุ๊บ Says:

น่าอิจฉาที่สามารถมีเวลาอยู่กับป๊าโดยไม่มีข้อจำกัดน่ะค่ะ
บางคนอาจจะมีข้อจำกัดเรื่องเวลาจริงๆ(หรืออาจจะเป็นแค่ข้ออ้างสำหรับบางคน)
แต่บางคนอาจจะมีข้อจำกัดทางการเงิน
หากเป็นคนที่เป็นหัวเรือใหญ่ในการหารายได้เข้าบ้าน
แม้อยากมีเวลาให้บุพการี
แต่ปัจจัยทางการเงินบางครั้งก็สำคัญต่อการรักษาและชีวิตของพวกท่าน
บางทีอาจไม่สามารถเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งได้ =)

gravatar
v74 Says:

ข้อจำกัดก็มีครับ . . . แต่ต้องเลือกเอา
ต้องตัดสินใจ

gravatar
ShiNy JuNe Says:

ไม่รู้ว่าจะอธิบายว่าอย่างไร ว่าเข้าใจถึงความรู้สึกนั้น จริงๆ ..เคยมีจุดคลิก จุดหนึ่งของชีวิต.. ที่ต้องสัมผัสกับความรู้สึกแบบเดียวกันนี้ค่ะ จุดที่ความเป็นและความตายอยู่บนวินาที่เดียวกัน แต่ด้วยความเข้มแข็งของทั้งพ่อและตัวหนูเอง ที่คิดว่าเราจะต้องอยู่ด้วยกันต่อไป พ่อบอกหนูว่า "พ่อยังจากลูกตอนนี้ไปไม่ได้" ทำให้เราพยายามสู้ จนพลิกจุดนั้นให้รอดมาได้อย่างปาฏิหารย์.. นับแต่นั้นมา บทเรียนนั้นสอนหนู หนูไม่ยอมปล่อยให้เวลาแห่งความสุขผ่านไปอีกเลย เพราะหนูกลัว หนูเปลี่ยนตัวเองไป ขอเลือกกำหนดเอง ว่าจะใช้เวลาที่มีอยู่ให้สวยงามที่สุดเท่าที่จะทำได้.. เหมือนที่พี่รู้ว่าตอนนี้หนูมาเรียนต่อที่อเมริกา บางคนว่าหนูบ้าที่โทรหาพ่อแม่ทุกวัน ไม่ใช่เพราะเหงา แต่ท่านอายุมากแล้ว หนูอยากทำเวลาที่มีอยู่ให้ดีที่สุด หนูขอเสียเงินค่าโทรศัพท์ ขอทำทุกอย่าง เพราะขอบคุณที่ฟ้ายังมอบเวลาให้กับหนู.. เมื่อเดือนที่แล้วคุณพ่อก็มีเหตุต้องเข้า รพ. อีก น้ำตาไหลออกมาจากหัวใจตัวเอง เพราะทั้งที่เราอยากไปเฝ้า ไปหอมแก้ม ใจจะขาด แต่หนูทำไม่ได้.. ขอโทษนะคะที่เขียนมายืดยาว ดู วกไปวนมาด้วย แต่ทั้งหมดอยากให้กำลังใจ อยากบอกว่าเข้าใจความรู้สึกมาก มากค่ะ.. หนูรับรู้ได้เลยถึงสิ่งที่พี่กำลังทำอยู่ เวลาที่จะหาเงิน หางานดีดีทำมีอีกจนสิ้นชีวิตเรา แต่เวลาที่ข้างบนมอบให้เราได้ยิ้มได้หัวเราะ ได้กอด ได้หอมพ่อแม่ลดลงไปทุกที และไม่มีเงินที่ไหนซื้อเวลาต่อให้เราได้.. ขอให้กำลังใจพี่ vud นะคะ ขอให้พี่สู้ เชื่อมั่นในสิ่งที่พี่ตัดสินใจแล้วต่อไป ปาฏิหารย์อาจมีจริงก็ได้ แต่ไม่ว่าเวลาที่มีอยู่จะนานเท่าไหร่ ก็ไม่สำคัญ ขอให้กำลังใจให้พี่ vud ได้ทำทุกอย่างที่อยากจะทำ ได้ใช้เวลาที่มีอยู่ สวยงามและมีความสุขที่สุดในชีวิตนะคะ.. จูน

gravatar
dogdoy Says:

อ่าน comment ของคุณ shiny june แล้วซึ้งจังครับ

ช่วงนี้ผมก็โทรกลับเมืองไทยบ่อยกว่าเดิมเยอะมาก คงเป็นเพราะกำลังหาวิธีการโทรที่เหมาะสมที่สุดอยู่

แต่ก็รู้สึกว่าการได้ยินเสียงของพ่อ,แม่,ยาย ที่เมืองไทย ช่วยให้ผมรู้สึกอบอุ่นมากขึ้น ได้ฟังท่านอบรม ได้ฟังท่านเล่าชีวิตในเมืองไทยให้ฟัง มันมีความสุขดีจริงๆ
สงสัยช่วงนี้กำลังเหงา...

ผมลืมทักพี่vud เรื่องฟอนต์ไปเหมือนกัน ผมใช้ firefox มันขยาย font ง่าย เลยไม่รู้สึกลำบากอะไร

gravatar
v74 Says:

ขอบคุณทุกคำตอบครับ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจและคำอวยพรต่างๆ

บุญรักษาครับ

gravatar
Som Says:

Vud... I would have done the same thing if I am in the same situtation. Work will be there for you, but oppertunity to be with someone you love doesn't always wait 4 u.

Cheers!!!
som

gravatar
v74 Says:

Thanks a lot Som.....

God bless u and your family.

gravatar
Anonymous Says:

มาถูกทางแล้วครับ ดีจริงจริงครับ

gravatar
v74 Says:

ไม่ลงชื่อสักหน่อย? ครับจะได้คุยกันได้ง่ายขึ้น

gravatar
Anonymous Says:

Bว่าเฮียทำถูกแล้วที่หาเวลาอยู่กับป๊า แต่คิดว่าก็น่าจะหางานอะไรที่ทำซักครึ่งวัน หรือรับjobเล็กๆมาทำที่บ้าน หรือว่าจะสอนหนังสือวันละชั่วโมง สองชั่วโมงก็ดีนะคะ

gravatar
v74 Says:

ก็ plan ว่าถ้าป๊าแข็งแรงกว่านี้อีกนิด เฮียก็จะรับงานมาทำบ้างแล้วล่ะ

gravatar
Anonymous Says:

ผมก็เคยมีประสบการณ์คล้าย ๆ อย่างนี้
ประมาณ 3-4 ปีที่แล้ว
รู้ว่าแม่ป่วยเป็นมะเร็ง
แผนที่จะไปเรียนต่อแดนไกล(ฟรี)
ก็ยกเลิกอยู่ใกล้แม่ดีกว่า

ตอนนี้แม่หายแล้ว

รู้สึกว่าตัดสินใจถูก
ถ้าเห็นแก่อนาคตแล้วไปคราวนั้นแม่อาจไม่หาย
และชีวิตอาจไม่เป็นเช่นนี้

ขอให้ป๊าพี่หายดีเช่นกัลลล์

gravatar
v74 Says:

3-4 ปีก่อน พี่ก็ได้ยินข่าวขากเอ๋ยว่า nat จะมาเรียนที่ USA

แล้วก็ไม่ได้มา พึ่งมารู้ว่าเพราะแม่ไม่สบาย
ดีใจด้วยที่แม่หาย

ขอบคุณสำหรับคำอวยพรครับ