ทรัพย์สินทางปัญญา

ผมเริ่มต้นปีใหม่นี้กับเรื่องตลกร้ายอย่างน่าโมโห . . .

เมื่อปลายปีที่แล้ว ผมซื้อ guitar ที่เป็น Signature ของ โอฬาร พรหมใจ
จาก music concept และบันทึกภาพและเขียนลง blog ไว้ที่นี่
click here

เรื่องตลกร้ายที่ผมกล่าวถึงคือ หนังสือ Overdrive เล่ม 102 ลงโฆษณาสี่สี 1 หน้าเต็ม
เกี่ยวกับ Squier Olarn โดยบริษัท เบ๊ เงียบ เส็ง และ/หรือ music concept เป็นตัวแทนจำหน่าย

ในหน้าโฆษณานี้ . . . ปรากฎรูปถ่าย guitar ซึ่งเป็น
"รูปถ่ายของผม"
"จัดแสง+ปูผ้า+ถ่ายด้วยตัวผม"
อยู่ที่ด้านบนของหน้าโฆษณาคู่กับใบหน้าของ โอฬาร พรหมใจ

ผมเห็นแล้วถึงกับอึ้งไป...ไม่ใช่ดีใจที่รูปของตัวเองได้ลงหนังสือ
แต่งุนงงกับที่มาที่ไปของการทำ art work ชิ้นนี้....เนื่องด้วยผมไม่เคยส่งมอบรูปให้ใครนำไปใช้มาก่อน
เว้นแต่ใช้ลงใน blog และ webboard เพื่อใช้สำหรับดูเท่านั้น ไม่ได้ใช้ในเชิงพาณิชย
แต่สำหรับ Overdrive Magainze นั้น...ลง art work ชิ้นนี้ในหนังสือเล่ม 102 และวางขาย
ซึ่งถือเป็นการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์อย่างสมบูรณ์ โดยที่ผมซึ่งเป็นเจ้าของภาพ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย จนมาพบด้วยตัวเองเมื่อหนังสือวางขายแล้ว

ผมโทรไป Overdrive Magazine เพื่อสอบถามถึงที่มาที่ไป
ที่ปลายสายเป็นเสียงผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งสร้างความประทับใจผมอย่างยิ่งยวด

"สวัสดีครับ ผมขอสายทีมงาน Overdrive Magazine ครับ"
"คุณจะติดต่อเรื่องอะไรคะ?"
"ผมอยากสอบถามถึงเรื่องของ โฆษณา Squier Olarn ในหนังสือ Overdrive เล่มล่าสุดครับ"
"เล่มไหน?" << เสียงเริ่มแข็ง
"ล่าสุดเลยครับ เล่ม 102"
"ชื่อเล่มว่่าอะไร" <<< เขาเริ่ม check ว่าผมรู้จริง หรือ มั่ว
"Acoustic Issue ครับ"
"เอาล่ะ เอาล่ะ . . . มีอะไร"
"คือในหนังสือมีหน้านึุงลงโฆษณา guitar ของ Olarn ไว้น่ะครับ ผมจำไม่ได้ว่าหน้าที่เท่าไหร่ แต่อยู่ต้นๆฉบับ ในหน้านั้นมีการนำภาพถ่าย guitar ของผมไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาติจากผมครับ"
"ไหน...อะไร....รูปไหน..."
"เอ่อ คือ คุณลองดูที่หน้าโฆษณานั้นนะครับ ด้านบน ทางขวา จะเห็นภาพถ่ายของผมรูปใหญ่เลยครับ เป็นรูปหัว guitar วางบนผ้าใบสี metalic ครับ"
"เออ เออ...แล้วไงนะ"
"คือรูปถ่ายนี้เป็นของผมครับ แล้วถูกนำไปใช้งานเชิงพาณิชย์ โดยผมไม่ทราบเรื่องเลย จึงโทรมาสอบถามกับทาง Overdrive Magazine ครับ"
"เดี๋ยวนะ...รูปถ่าย guitar ของคุณ....อืม.....นี่มัน guitar ของ Olarn ไม่ใช่เหรอ จะเป็นของคุณได้ยังไง? เห็นไหม มีลายเซ็นด้วย....ลายเซ็นนั้นของคุณเหรอ"
"เอ่อ...."
"guitar ของโอฬารเขา เอามาลง art work ก็ถูกแล้วนี่......แล้วคุณน่ะเป็นใครเนี่ย"
"เ่อ่อ...คือยังงี้ครับ รูปถ่ายนั้น ผมถ่ายเองกับมือครับ guitar ตัวนั้นก็เป็นของผม ถ่ายที่บ้านผมครับ และที่สำคัญ hi-resolution file ของภาพนี้ มีผมคนเดียวในโลกที่มีครับ"
"คุณชื่ออะไร?"

ผมเริ่มหมดอารมณ์ในการคุยแล้วในขณะนี้.....แต่ก็ยังคุยต่อไปอย่างใจเย็น
แต่ในที่สุดผู้หญิงปลายสายคนนี้ยอมโอนสายให้ผมคุยกับพี่บี๋
ซึ่งเป็นพี่สาวของ อ.ปราชญ์ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและจัดทำหนังสือ Overdrive Magazine

พี่บี๋คุยกับผมด้วยน้ำเสียงที่ใจเย็นและมีมารยาท แต่ยังถามผมด้วยคำถามเดิมว่า...
"ลายเซ็นบน guitar นั่นเป็นของน้องเหรอคะ . . . ไม่ใช่ของโอฬารเหรอ พี่ไม่เข้าใจ ไหนช่วยบอกพี่หน่อยซิ ถ้าเป็นลายเซ็นของเขา เขานำมาใช้ก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่เหรอ"

หลังคำอธิบายของผม....พี่เขา check กับทาง graphic design team ให้แล้ว find out ว่า Art work ทั้งหมดถูกออกแบบโดย music concept เองและส่งมาลงที่ Overdrive Magazine โดยทางทีมงานหนังสือ ทำหน้าที่ลงให้เท่านั้น (ความจริงน่าจะ check ให้ตั้งแต่แรกแล้ว คุณผู้หญิงที่รับสายท่านแรกน่ะ)

ผมจึงติดต่อไปทาง music concept จึงพบว่า คุณใหญ่ (เจ้าของ music concept) เป็นผู้ที่นำรูปผมไปใช้จริง และกล่าวขอโทษที่ไม่ได้ขออนุญาติก่อน เนื่องด้วยเขาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นรูปถ่ายของพี่เอ ปิยะ ช่างภาพอาชีพที่สะสม guitar และเป็นลูกค้าประจำของร้าน

คุณใหญ่บอกผมว่า เขาได้ขออนุญาติพี่เอ แล้วและให้พี่เอส่ง hi-res file ที่พี่เขาถ่้าย Squier Olarn ไว้ให้คุณใหญ่ แต่คุณใหญ่มาถูกใจรูปถ่ายของผม และสงสัยว่าทำไมไม่มีใน CD จึงโทรไปขอพี่เอว่า ขอเอารูปจากใน web ไปใช้เลยได้ไหม แม้จะไม่ใช่ hi-res file ก็ตาม เพราะจะรีบส่ง art work ให้ทาง Overdrive Magazine ซึ่งพี่เอ อนุญาติไปแบบ งงๆ....จนทุกอย่างถูกจัดทำและตีพิมพ์ออกสู่สาธารณะไปแล้ว

ตามหลักแล้วผมผู้ซึ่งเป็นเจ้าของรูปถ่ายสามารถเรียกร้องค่าเสียหาย
ได้จำนวนมากเนื่องด้วยถูกโขมยภาพไปใช้งานในเชิงพาณิชย์ แต่น้องชายของใหญ่ (ไอ้ใหม่) เป็นน้องรหัสของผมที่ สถาปัตย์ จุฬาฯ...
และคุณใหญ่ก็พูดคุยกับผมดีมาก

ผมจึงไม่ติดใจเอาความ

เมื่อทราบข้อเท็จจริงแล้ว ผมได้โทรกลับไปคุยกับพี่บี๋อีกครั้ง และขอบคุณที่พี่เขาคุยกับผมด้วยเหตุผล
ไม่เหมือนท่านผู้หญิงที่รับโทรศัพท์ท่านแรก ซึ่งสรุปว่า Overdrive ไม่ได้เป็นคนนำภาำพของผมไปใช้นั่นเอง

ตลกร้ายเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
1. เสียเงินค่าโทรศัพท์ 9 บาท เพื่อความสบายใจและการทวงสิทธิ์...เป็นสิ่งที่คุ้มค่าและพึงกระทำ
2. รูปที่ผมถ่ายมีคนชอบและคิดว่าเป็นรูปของพี่เอที่ไม่ได้ write CD มาให้ >>> อันนี้น่าภูมิใจ เพราะผมถ่ายด้วยกล้องปัญญาอ่อนธรรมดา แต่คนคิดว่าเป็นรูปจากมืออาชีพ
3. คนไทยอีกจำนวนมาก ยังไม่เข้าใจเรื่อง ทรัพย์สินทางปัญญา
4. Designer เป็นอาชีพที่อาภัพสำหรับคนไทย

vthink
vthink

7 Response to "ทรัพย์สินทางปัญญา"

gravatar
dogdoy Says:

เจ๋งไปเลยครับ ผมว่าพี่ทำถูกแล้วล่ะที่ไม่ไปเอาความอะไร

แต่ต่อจากนี้พี่อาจจะต้องทำ water mark ไว้บนรูป หรือ overlay text เอาไว้หน่อยแล้วมั๊งครับเนี่ย
เผื่อเค้าจะเอาไปใช้ทำอะไรจะได้หาที่มาที่ไปได้

แต่แหม เจ๋งจริงๆนะเนี่ย ;)

gravatar
Anonymous Says:

เป็นนิ้ง นิ้งก็ทำ ...

เคยมีเจ้าของเวบบางเวบ เอารูปที่นิ้งถ่ายเล่นที่บ้าน คือแบบใส่เสื้อผ้าปกติธรรมดาเนี่ยแหละ แล้วเอาไปใช้ใส่ banner ของ adult-web .. นิ้งนี่โมโหสุด ๆ แต่ไม่รู้จะไปงี่เง่าเอาอะไรกับเค้าได้ เพราะไม่มีเบอร์ติดต่ออะไรทั้งนั้น ก็เลย เลยตามเลย แล้วก็อาศัยว่ารูปถ่ายเล่นก็ไม่เอาลงเวบ หรือไม่่ส่งให้เพื่อน ๆ เลย เพราะไม่อยากเจอแบบนี้อีก :)

gravatar
v74 Says:

พี่คิดว่า เขาเอารูปไปเนี่ย แล้วบอกว่าไม่รู้ก็ไม่น่าจะเข้าใจผิดได้ขนาดนั้น
เพราะคน post รูปก็ชื่อ v74 อยู่โต้งๆครับ

แต่ก็อย่างว่า.....ไม่ติดใจ ไม่คิดเอาความ

ส่วน water mark อะไรนั่นไม่เป็นไรครับ
พี่ไม่ได้เป็นเซียนถ่ายรูป คงไม่มีใครจะมาเอาไปใช้อีกแล้วล่ะ (มั๊ง)

ส่วนเรื่องของนิ้งก็น่าโมโหจริงๆ
แต่เอาไปลง web แบบนั้น แสดงว่า สวยงาม เข้าขั้นเลยสิเนี่ย....wow
:)

gravatar
Anonymous Says:

มันหลอกแต่อะพี่วุฒิ​...
คือมันเป็นรูปนั่งเอาคางเกยโต๊ะ แบบ พะยูนเกยตื้นอะค่ะ :P อิอิ

gravatar
Anonymous Says:

ผมว่าพี่ได้ทำสิ่งที่ถูกต้องแล้วครับ
ครั้งต่อๆไปเขาก็คงจะระวังเรื่องนี้มากขึ้น

gravatar
Anonymous Says:

ก็ยังดีนะ ที่เจ้าของยอมขอโทษ
ถ้าไปเจอพวกงี่เง่า ปัญญาอ่อนแบบพนักงานรับสาย คงเซ็งกว่านี้

gravatar
Anonymous Says:

ขำอ่ะ "กล้องปัญญาอ่อน" เลยต้องเข้ามาโพสซะหน่อยค่ะ

จากเวป หลฟ. อิอิ