G4tv
15
comments |
This entry was posted on July 29, 2005
เรื่องของการ check email นั้นคงกลายเป็นสิ่งจำเป็นประจำวันสำหรับคนทำงานที่เกี่ยวข้องกับ computer ในปัจจุบัน . . .
คงจะไม่มีอะไรแปลกหรือตื่นเต้นสำหรับผมในช่วงนี้. . .ถ้าผมไม่ได้เปิดมาเจอจดหมายฉบับหนึ่งจาก Art Director ของ G4tv
เขาสนใจงานของผม !
หลังจากที่เขาได้เข้าไปดูงานและประวัติของผมแล้วเขาก็ส่ง a very kind email มาหาผม
ถามผมว่า เขาไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึง leave USA
ทั้งๆที่หลายต่อหลายคนก็อยากจะเข้าไปทำงานที่ USA กันทั้งนั้น เพราะค่าตอบแทนสูง ความเป็นอยู่ก็สะดวกสบาย แถมเมืองที่ผมอยู่ที่ชื่อ Santa Monica นั้นอากาศก็แสนจะสะอาดสดชื่นและสบายตลอดปี (1 ปี มีวันที่ร้อนๆแบบ กทม. ไม่เกิน 4 วัน . . . ไม่มีหิมะ . . . . อยู่ติดชายทะเล . . . ติดกับ 3rd St. Promanade ถนน shopping สุด cool + Street Performance และร้านหนังสือ Design "Hennesey Art + Architecture" สุดเจ๋งใน Los Angeles เลยก็ว่าได้)
เขาอยากรู้ว่าทำไมผมถึงเลือกที่จะ leave USA ?
พร้อมกับการยื่นข้อเสนอให้ผม กลับเข้าสู่ USA อีกครั้ง ด้วยตำแหน่ง Senior Motion Graphics Designer.
แถมด้วยประโยค classic ว่า "and the pay is good for senior positon".
แหม . . . หลอกล่อกันจริงๆสิ
นอกจากเงินเดือนที่สูงมากสำหรับ designer ธรรมดาๆอย่างผมแล้ว G4tv ยังต้องจ่ายค่า ทนายและ H1B Visa เพื่อให้ผมกลับเข้า USA ได้อย่างถูกกฎหมายด้วย
นับว่าเป็นข่าวที่ดีมากๆในรอบปีของผมเลยทีเดียว อย่างน้อยก็รู้ว่ายังมีคนอีกซีกโลกนึงที่เห็นคุณค่าในสิ่งที่ผมทำ . . . และพร้อมที่จะให้โอกาส
คนที่ทำให้ G4tv ได้เห็นงานของผมก็คือน้อง "นะ"
รุ่นน้องของผมที่ SCAD ซึ่งทำงานเป็น motion graphics designer อยู่ที่นั่น
"นะ" เอางานที่ผมทำให้ Art Director ที่นั่นดูแล้วผมก็ได้รับ email จาก G4tv ในเวลาต่อมา
ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก "เอ๋ย turborobot และ projectbox" Computer Artist ฝีมือดี ก็ได้รับการตอบรับจาก g4 ไปเรียบร้อยแล้ว
เอ๋ยจบจาก SCAD และเคยทำงานอยู่ใน Pasadena, CA ซึ่งห่างไปจาก Santa Monica, CA เมืองที่ผมอยู่แค่ 40 mins drive.
เรากลับไทยมาในเวลาไล่เลี่ยกัน . . . เจอปัญหาในการหางาน+ทำงานที่ไทยคล้ายๆกัน
บ่นกันไปบ่นกันมา . . . และในที่สุดเอ๋ยได้ตอบตกลงรับงานที่ G4tv ไปเรียบร้อยแล้ว
H1B ของเอ๋ยน่าจะกำลังเดินทางมา . . . ซึ่งหมายความว่า
อีกไม่นานเอ๋ยจะบินกลับไปที่นั่น . . . ทิ้งผมให้คิดและตัดสินใจอยู่ที่ JWT คนเดียว (ไหนว่าจะทำงานด้วยกันที่ไทยไงวะ? . . . ฮา)
ผมควรจะตัดสินใจอย่างไร ?
ปะ ป๊า + มะ ม้าของผมก็ต่างสนับสนุนให้ผมกลับไปเพื่ออนาคตที่ดีกว่า
กลับไปเพื่องานที่ตรงตามที่ผมเรียนมาและเพื่องานที่น่าสนใจกว่า
แต่ผมก็รักเมืองไทยและอยากจะ settle down ในไทยแบบไม่มีเหตุผลซะงั้น
อยากมีครอบครัว มีบ้าน มีชีวิตที่เรียบง่าย เหมือนคนอื่นๆทั่วไปที่ไทย
การกลับไป USA ครั้งนี้ถ้าจะกลับไปก็หมายถึงการลงทุนทั้งเวลาชีวิต+ค่าใช้จ่ายพอสมควร + การอยู่ห่างจากครอบครัวและ "อาม่า" ของผม
จะกลับไปก็ต้องซื้อรถ, เช่าบ้าน, ซื้อ furniture . . . etc. ซึ่งจะให้คุ้มต้องอยู่ทำงานกันยาวๆ นานๆ เพื่อเก็บเงินให้ได้มากๆ แต่เอาเข้าจริงๆเรื่องพวกนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลมากนัก เพราะเงินเดือนที่นั่นสามารถรองรับสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไม่ลำบากนัก
แล้วผมจะได้กลับมาไหม ?
กี่ขวบ ?
กลับมาหางานทำ หรือ เปิด office ?
Connection ที่ไทย ?
ปะป๊า มะม้า ?
แต่งงาน ?
ไปสั้นๆหรือไปยาวๆแล้ว early retire?
Comparing between Thai job + International Job ?
ความสุข ?
เป้าหมายของชีวิต ?
เงิน กิเลส ค่าครองชีพ และความพอเพียง ?
Santa Monica + Bangkok ?
Social life ?
มืด หรือ สว่าง . . . สิ่งที่มองไม่เห็น ?
ผมยังคงพอมีเวลาสนุกสนานกับความคิดอีกสักระยะหนึ่ง . . .
ไม่แน่ว่า blog ครั้งต่อๆไป ผมอาจจะ post มาจาก Santa Monica ก็ได้
แนวร่วม ยืดอายุน้ำ
2
comments |
This entry was posted on July 28, 2005
เกือบ 2 อาทิตย์ที่ไม่มีโอกาสมาเขียน blog เพราะผมใช้เวลาไปกับงาน pitching ของปูนซีเมนต์ไทย
กับโครงการ "แนวร่วม ยืดอายุน้ำ"
คงเป็นเรื่องที่ต้องเขียนกันยาวถ้าจะบันทึกว่าผมเจออะไรและต้องทำอะไรบ้างกับงาน pitching ชิ้นนี้
การเข้ามาทำงานที่ Advertising Agency ทำให้ผมได้เห็นระบบและ style การทำงานแบบ Agency ที่ผมไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับทุกๆระบบ ทุกๆองค์กร
งานนี้ผมได้ร่วมทำงานกับ designers จากหลายแผนกใน JWT
ต่างคนก็ต่างแบ่งหน้าที่กันไปตามแผนกนั้นๆ . . . หนึ่งในนั้นมี พี่นัท beposi+ive รวมอยู่ด้วย
ส่วนที่ผมรับผิดชอบเป็นส่วน office decoration ซึ่งต้องนำเสนอ idea ในการ decorate office ของปูนซีเมนต์ไทย สำนักงานใหญ่ที่บางซื่อ ซึ่งแน่นอนว่าผมต้องไปดู site จริงและถ่ายรูป office ที่บางซื่อก่อนทำ design ด้วย
สิ่งแปลกใหม่ (มึนๆ งงๆ) สำหรับผมต่องานชิ้นนี้คือ การทำ decoration ในแบบ Advertising ไม่ใช่ architecture design / interior design / landscape design แบบที่ผมคุ้นเคย.
บวกกับการใช้ motion graphic เข้าไปผสมกับการ decoration นี้ด้วย
เหมือนอยู่ตรงกลางระหว่าง Graphic design and Interior design
มันไม่ชัดไปเลยสักทาง . . . เลยทำเอาผม มึนๆ งงๆ
จะไปปรับโครงสร้างของเขาก็ไม่ได้ เพราะมันหมายถึงค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น
แล้ว JWT ก็ไม่ใช่ office interior ซะด้วย . . .
"เราเป็น Advertising Agency" . . . ผมได้ยินคำนี้บ่อยๆ
จะให้เอา poster ไปแปะ + ไปแขวน office เขาเฉยๆ ก็เหมือนผมไม่ได้ทำอะไร (เพราะมีแผนกที่ design Poster อยู่แล้ว) . . .
ตกลงเราทำอะไรอยู่เนี่ย ?
หันไปถามน้องที่อยู่แผนกเดียวกัน ก็ตอบมามึนๆกันทุกคน . . .
คิดไปคิดมา ก็เอาล่ะ . . . ซัด motion graphic ซะหน่อยนึง
ตามด้วย product design และ installation อีกหน่อย (พอดีมี ตูน Product designer จากศิลปากรทำงานอยู่แผนกเดียวกัน เลยให้ออกแบบ product ไป . . . และมีน้อง first ช่วยทำ 3D interior . . . Thx หลายๆที่อยู่ทำงานดึกๆด้วยกันหมด)
และด้วยเวลาที่จำกัด เพียง 1 week ในการคิดและลงมือทำ . . . ไม่ต้องสงสัยเลยครับว่า
ผมจะบ้าและเครียดขนาดไหน ทุกครั้งที่มี internal meeting กันใน JWT
คุณภาพของงานที่ออกมาก็ไม่ต้องพูดถึง . . . เวลาแค่นี้ . . . ผมไม่โดน decorate ทั้งตึกก็บุญโขแล้ว
(ตอนแรกผมโดนสั่งมาแบบนั้น . . . ผมแทบ shock . . . ใครจะเสกให้ท่านได้ล่ะครับ)
ผมเข้าใจว่าผมคงยังไม่สามารถ post ภาพงานชิ้นนี้เพราะเข้าใจว่ายังอยู่ในช่วง pitching อยู่แต่คงจะได้ post เร็วๆนี้. . .กระมัง???
แนวร่วม ยืดอายุน้ำ (บั่นทอนอายุคน design)
Mont
10
comments |
This entry was posted on July 17, 2005
ช่วงเวลาประมาณ 3 ทุ่มคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสแวะไปอุดหนุนร้านขายนมและขนมปังชื่อดังย่านเสาชิงช้าอีกครั้ง
หลังจากช่วงที่ไปใช้ชีวิตต่างประเทศนั้น ไม่มีโอกาสได้ทานนมและขนมปังแบบนี้เลย
ทั้งๆที่จะทำทานเองในบ้านก็ไม่ได้ทำยากลำบากแต่อย่างใด
แต่จนแล้วจนรอดผมก็ไม่ได้มีโอกาสทำสักทีจนย้ายกลับมา
เชื่อว่าทุกๆคนต้องรู้จักร้านหรือเดาชื่อร้านที่ผมกล่าวถึงนี้ได้ไม่ยาก
ใช่ครับ ผมกำลังพูดถึงร้าน "มนต์" นั่นเอง
"มนต์" นั้นได้เปิดให้บริการมาหลาย generation แล้ว (Since 1964) . . ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ารุ่นปัจจุบันเป็นรุ่นที่เท่าไหร่
ล่าสุด มนต์นมสด ได้ทำการปิดปรับปรุงร้านแบบชุดใหญ่ (renovate) และพึ่งจะกลับมาเปิดบริการอีกครั้งไม่นานมานี้
บรรยากาศของร้านใหม่นั้นดูทันสมัย เปลี่ยน look ไปจากสมัยรุ่นก่อนๆอย่างสิ้นเชิง
การจัดวางโต๊ะ และทางเดิน การออกแบบตกแต่งภายใน ทำให้ร้านดูสว่างสดใส และสะอาดตา
น่าเข้าไปอุดหนุน ทั้งๆที่ "มนต์" ก็มีลูกค้าประจำมากมายอยู่แล้ว แสดงให้เห็นว่ามนต์ ยุคใหม่นี้ไม่ยึดติดกับภาพลักษณ์หรือบรรยากาศเดิมๆของร้าน
คือเห็นแล้วรู้สึกว่าเป็นมนต์ยุคใหม่จริงๆ
เสน่ห์ของร้านนี้น่าจะอยู่ที่รสชาติของนมสดที่หอมหวาน เข้มข้น และขนมปังร้อนๆที่ราดด้วย topping ต่างๆ
ชวนให้น้ำลายสอทุกครั้งที่ผ่านหรือแวะเวียนไปแถวๆเสาชิงข้า . . .
เสน่ห์อีกส่วนหนึ่งที่มองข้ามไปไม่ได้คือ ลูกค้าที่แวะเวียนกันเข้าไปอุดหนุนจนแน่นร้านตลอดเวลา. . . . .ลูกค้า ดึงดูดลูกค้าด้วยกันเอง . . . ผมเชื่อว่ามีคนไม่น้อยที่ผ่านไปแล้วถูกบรรยากาศคึกคักของร้านดึงดูดเข้าไป
แม้ว่าปัจจุบันจะมีร้านนม+ขนมปังเหมือนๆกับมนต์มากมายตามห้างสรรพสินค้า , การเดินทางสะดวก, การจัดแต่งร้านสวยงาม แต่ผมยังไม่เคยเห็นร้านไหนที่จะมีลูกค้ามากมายเหมือน "มนต์"
ผมเป็นคนที่ชอบดื่มนมมาก ดื่มแทนน้ำเลยก็ว่าได้ ดื่มกันจนเกินปริมาณที่ร่างกายต้องการ
จนพักหลังๆผมพยายามเลี่ยงที่จะดื่มนม เพราะเกรงว่าจะส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายที่นับวันจะยิ่งทรุดโทรมลงไปตามวัยที่เพิ่มขึ้น
การกลับไปอุดหนุนครั้งนี้จึงเหมือนกลับไปหาบรรยากาศเก่าๆ + กลับไประลึกถึงชีวิตวัยเด็ก และกลับไปดื่มเครื่องดื่มโปรดของผมอีกครั้ง . . .
แล้ว weekend ของผมก็ผ่านไปด้วยความสุขและไขมัน
DotMov Festival 2004
0
comments |
This entry was posted on July 16, 2005
Arriving / Mailbox / Discovering / DotMov / Happy / Busy / Tired / Unable / Read / Anxious / Passion / Time limit / Uneasy / Waiting / Weekend / Free time / Open / Watching / Reading / Interesting / Enjoyabley / Pleased / Grasping / Camera / Shooting / Transfering / Connecting / Internet / Uploading / Writing / Ending
มาถึง / ตู้จดหมาย / พบ / DotMov / ดีใจ / ยุ่ง / เหนื่อย / ไม่สามารถ / อ่าน / กังวลใจ / ปรารถนา / เวลาจำกัด / ไม่ง่าย / การรอคอย / สุดสัปดาห์ / เวลาว่าง / เปิด / ดู / อ่าน / สนใจ / สนุก / พึงพอใจ / หยิบ / กล้อง / ถ่าย / โอน / เชื่อมต่อ / Internet / ส่งข้อมูล / เขียน / สิ้นสุด
ศีลจุ่ม
5
comments |
This entry was posted on July 3, 2005
เมื่อวานนี้ที่คณะสถาปัตยกรรม ศาสตร์จุฬาฯมีงานรับน้องชื่อ ศีลจุ่ม
เป็นงานที่รุ่นพี่รุ่นน้องหลาย ต่อหลายรุ่นมารวมตัวกัน ทั้งที่จบไปนานแล้ว และยังเรียนอยู่
เป็นวัน สิ้นสุด หรือ วันสุดท้ายของการรับน้องใหม่ก็ว่าได้
ในสมัย ที่ผมเป็นน้องปี 1
ผมจำได้ว่า งาน ศีลจุ่ม เป็นงานที่ classic และน่าประทับใจมากๆ
ตั้งแต่การเต้น ToTem Tom Tom (คล้ายการเต้นบูชายันต์ของเผ่าดินเดียแดง...โดยเต้นไปรอบๆเสา) ซึ่งเหนื่อยเอาการ
หลัง จากเต้นแล้วก็จะมีการ paint สีไปบนตัวของน้องๆ โดยให้รุ่นพี่เอาสีทาไปตามร่างกายของน้องใหม่ เปรียบเหมือนการถ่ายทอดวิชา ซึ่งน้องๆหลายคนอาจจะบ่นที่ล้างสีออกยากและน่ารำคาญ แต่สำหรับปีผม เราสนุกสนานกันมาก พี่ๆ paint เราด้วยความพยายามจะให้มี idea ที่ creative
บ้าง ก็เป็น superman หรือ super hero ต่างๆ บ้างก็ใช้สีคู่ขนาน บ้างก็ใช้สีที่ตัดกันให้ดูเด่นดูสะดุดตา บ้างก็ paint เพื่อให้เข้ากับฉากหลังหรือกำแพง แล้วถ่ายรูป
ซึ่งสุดท้าย แล้ว จะเต็มไปด้วยสีสันมากมายที่ถูกระบายออกมาแล้วทำให้คณะดูสดใสขึ้นและเต็มไป ด้วยรอยยิ้ม
แล้วตามด้วย. . .การแห่เชือกขนาดใหญ่ที่ให้น้องใหม่ทุกคนเดินแห่เชือกเส้นเดียวกันไปรอบๆ จุฬา นัยว่าให้ทุกคนรวมใจเป็นหนึ่งเดียวและมีความอดทน
ต่อด้วยการเดินแห่โคมไฟที่เราออกแบบ+ประดิษฐ์ (เมื่อคืนก่อน) ไปทักทายเพื่อนๆคณะอื่นๆ ให้เพื่อนๆคณะอื่นได้เห็นและชื่นชมกับโคมไฟที่สวยงามหลากหลาย design
เมื่อกลับเข้ามาสู่ คณะอีกครั้ง จะเดินเข้าทางโถงกลาง (main entrance) ผ่านเข้าไปในโถงกลางซึ่งจะมีพี่ๆยืนตอนรับอยู่ตามบันไดรอบๆเป็นจำนวนมาก (เป็นโถงที่มีบันไดล้อมรอบขึ้นไปถึงชั้น 4) เมื่อน้องเข้ามาทั้งหมดแล้ว (รุ่นผมมีนิสิตประมาณร้อยนิดๆ) ทุกคนจะมายืนรวมๆ เบียดๆกัน จากนั้นพี่ๆก็จะเริ่มโปรยใบจามจุรีลงมาพร้อมๆไปกับการร้องเพลงต้อนรับน้อง เข้าสู่คณะอย่างเป็นทางการ
ใบจามจุรี จำนวนมาก (เป็นหมื่นเป็นแสนใบ) ถูกโปรยลงมาเหมือนฝนที่โปรยปราย . . . ใบแล้วใบเล่า + พี่ๆที่มายืนคอยต้อนรับในโถงบันไดจำนวนมากแม้ว่ามันจะร้อนมากๆก็ไม่บ่น + เพลงที่ร้องต้อนรับน้องๆเข้าสู่คณะ เป็นภาพที่ผมประทับใจมากๆและรู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำ
ผมและเพื่อนๆต้องยืนเบียดกันในโถง. . .ล้อมรอบไปด้วยพี่ๆ
มองเงยขึ้นไปถึงชั้น 4 เห็นโคมไฟสวยงามที่พี่ๆทำไว้ต้อนรับ และมองเห็นพี่ๆมากมายยืนล้อมรอบเราและโปรยใบจามจุรีลงมา . . . ผมแอบเห็นเพื่อนบางคนน้ำตาซึม เพราะซึ้งและอินไปด้วย
จากนั้นทุกคน (ทั้งพี่ทั้งน้อง) ร่วมร้องเพลงเชียร์ด้วยกัน เสียงเพลงดังกระหึ่ม . . . ผมรู้สึกได้ถึงความเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้องกันอย่างแท้จริง . . .
เมื่อวานนี้ผมกลับไปที่คณะและเป็นหนึ่งใน พี่ๆที่ยืนคอยต้อนรับน้องในช่วงโปรยใบจามจุรี
ผมแปลกใจที่เห็นใบจามจุรีถูก โปรยลงมาก่อน . . . ในขณะที่มีน้องใหม่เดินเข้ามาที่โถงไม่ถึง 15 คน . . . น้องคนที่เดินตามมาจึงเห็นใบจามจุรีโปรยลงมาก่อน . . . ผมกับเพื่อนยืนงงว่าทำไมถึงรีบโปรยลงมา. . . .ความรู้สึก surprise และความอบอุ่นแบบที่ผมเคยถูกรับมามันเปลี่ยนไป . . .
คงไม่ได้เปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดี เพราะผมเข้าใจว่าเด็กยุคใหม่ก็มีสังคมและมุมมองที่เปลี่ยนไปตามสมัยของเขา . . . การรับน้องหรือ approach + theme ในการรับก็เปลี่ยนไปตามรุ่นนั้นๆ
เพลงเชียร์ "ทำไมไม่ลุย" ที่รุ่นผมแต่งกันขึ้นมาก็ถูกดัดแปลง ต่อยอดกันออกไปจนผมฟังไม่คุ้นหู
แต่รอยยิ้มและความประทับใจของผมกับงานนี้ ยังมีอยู่เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
ผมเห็นอาจารย์เผ่า (ที่สอนผมมาตั้งแต่ปีหนึ่ง) มายืนต้อนรับและโปรยใบจามจุรีกับพวกผมด้วย (แกมาทุกปีไม่เคยขาด . . . สมัยผมเรียนปี 1 แกเป็นอาจารย์ฝ่ายปกครอง ใครที่แต่งตัวไม่เรียบร้อยจะโดนแกเรียกไปตำหนิ . . . และเด็กๆจะหนีแกตลอด . . . หารู้ไม่ว่า แกเป็นคนที่ใจดี คุยง่าย . . . รักคณะและทุ่มเทให้คณะอย่างจริงใจ . . . แกไม่ได้น่ากลัวแต่อย่างใด)
รุ่นพี่ที่อายุมากแล้วหลายๆท่านก็กลับมา . . . ซูโม่กิ๊ก ก็กลับมางานนี้แทบทุกปี . . . ในสมัยที่ผมอยู่ปีนึงก็เห็นเขา . . . เมื่อวานนี้ผมก็เห็นเขาอีกพร้อมมุกตลกเรียกเสียงฮาตาม style ที่คุ้นเคย
หลังจากโปรยใบจามจุรีแล้ว ก็มาต่อกันที่งาน concert และสังสรรกันที่ cord โรงอาหาร . . . น้องๆที่นี่ยังนิยมการเล่นดนตรีแนว rock เหมือนในช่วงที่ผมเรียนอยู่ไม่เปลี่ยน อาจเป็นเพราะดนตรี rock เป็นดนตรีที่แรงและกระชากใจวัยรุ่น. . .ชวนให้เต้นและกระโดดกันอย่างสุดมันส์ได้ง่ายหรืออย่างไรผมก็ไม่แน่ใจ แต่ผมก็ได้ยิน ได้เห็นรุ่นแล้วรุ่นเล่าที่ยังคงขึ้นมาเล่น rock กันอยู่เสมอๆ . . . ผมนั่งฟังน้องๆเล่นแล้วก็อดคิดถึง Donald Dick ไม่ได้ . . .เมื่อวานนี้เพื่อนๆสมาชิกของ Donald Dick มากัน 3 คน . . . แล้วบทสนทนาพร้อมเสียงหัวเราะกับเรื่องเก่าๆของเราก็เริ่มต้นขึ้นอีกเช่นเคย
ไม่นานนักผมก็ขอปลีกตัวกลับบ้านก่อนเพราะเหนื่อยกับการทำธุระมากมายเมื่อวาน นี้
ไม่รู้ว่าหลังจากที่ผมกลับมาแล้ว จะมีอะไรสนุกๆเพิ่มเติมบ้างหรือเปล่า ?
ตื่นเช้าขึ้นมา ผมเปิดมติชน เจอข่าวเรื่องการ paint สีบนตัวของคณะสถาปัตย์จุฬาฯ ลงหน้าหนึ่ง . . . ก็อดอมยิ้มเสียมิได้ . . . พร้อมกับเปิดไปอ่าน "คุยกับประภาส" รุ่นพี่คนเก่งของน้องๆถาปัดจุฬาฯที่ผมติดตามอ่านบทความของแกเป็นประจำ . . . แกไม่ได้เขียนถึงคณะหรอกครับ เพียงแต่ผมรู้สึกว่า วันสองวันนี้ ชีวิตผม วนเวียนอยู่แถวๆนี้ก็เท่านั้น
ในช่วงที่มีข่าวเชิงลบ + การวิจารณ์การรับน้องอย่างมากมายตลอดเดือนนี้ในสื่อแขนงต่างๆ . . . ผมเข้าใจว่า ศีลจุ่ม คงไม่ได้เป็นงานรับน้องที่มีแต่ข้อดี หรือ มีแต่คนชอบ + คนรัก . . . .ผมมั่นใจว่าคงมีคนอีกไม่น้อยที่อึดอัดและไม่ชอบมัน
ไม่ว่าคนกลุ่มที่ไม่ชอบนั้น จะมีมากน้อยเพียงใด. . .ผมจะขอเป็นอีกหนึ่งคนที่จะรักและเก็บความรู้สึกที่ดีๆกับงาน ศีลจุ่ม ของคณะนี้ตลอดไป
. . .แล้วอีกหนึ่งวันประทับใจของผมก็ผ่านไปด้วยรอยยิ้มและความสุข
ภาพข้างบน. . .ไม่เกี่ยวกับงาน ศีลจุ่ม หรอกครับ
มันเป็นรูปที่ผมและเพื่อนๆรุ่น 60 ถ่ายไว้ด้วยกันตอนไปเที่ยวทะเลสมัยที่เรายังเป็นนิสิตกันอยู่
ความสนุกสนาน + มิตรภาพระหว่างเพื่อน + รอยยิ้มและความประทับใจของการได้ใช้ชีวิตช่วงหนึ่งด้วยกันมันยากที่จะลืม จริงๆ
ผมว่าคุณเองก็คงมีประสบการณ์ที่น่าประทับใจ ไม่ต่างไปจากผมเท่าไหร่
ว่างๆอย่าลืมหยิบอัลบั้มรูปเก่าๆขึ้นมาเปิดดูบ้างนะครับ . . . เผื่อว่ามันจะเพิ่มรอยยิ้มที่มุมปากให้กับชีวิตของคุณได้อีกครั้ง